• This is slide 1 description. Go to Edit HTML of your blogger blog. Find these sentences. You can replace these sentences with your own words.
  • This is slide 2 description. Go to Edit HTML of your blogger blog. Find these sentences. You can replace these sentences with your own words.
  • This is slide 3 description. Go to Edit HTML of your blogger blog. Find these sentences. You can replace these sentences with your own words.
  • This is slide 4 description. Go to Edit HTML of your blogger blog. Find these sentences. You can replace these sentences with your own words.
  • This is slide 5 description. Go to Edit HTML of your blogger blog. Find these sentences. You can replace these sentences with your own words.

Saturday, May 31, 2025

SAT คืออะไร ควรเตรียมตัวอย่างไร?

SAT เป็นการทดสอบมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกาเพื่อการเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย นับตั้งแต่เริ่มใช้ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1926 ชื่อเรียกและระบบการให้คะแนนของแบบทดสอบนี้ได้เปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของประวัติศาสตร์ แบบทดสอบนี้ถูกเรียกว่า การทดสอบความสามารถทางวิชาการ (Scholastic Aptitude Test) โดยแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ การอ่านเขียน และ คณิตศาสตร์ ซึ่งแต่ละส่วนมีคะแนนตั้งแต่ 200 ถึง 800 ภายหลังแบบทดสอบถูกเปลี่ยนชื่อเป็น การทดสอบเพื่อประเมินผลทางวิชาการ (Scholastic Assessment Test) จากนั้นเป็น SAT I: การทดสอบเชิงเหตุผล (Reasoning Test) แล้วเปลี่ยนเป็น SAT Reasoning Test และท้ายที่สุดก็เรียกสั้น ๆ ว่า SAT

SAT เป็นกรรมสิทธิ์ พัฒนา และจัดพิมพ์โดยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐอเมริกาที่ชื่อว่า College Board โดยมีหน่วยงาน Educational Testing Service (ETS) เป็นผู้ดำเนินการจัดสอบในนามของ College Board จนถึงช่วงก่อนปี 2016 ซึ่งเป็นปีที่มีการปรับรูปแบบข้อสอบใหม่ ETS เคยเป็นผู้พัฒนาแบบทดสอบและดูแลคลังข้อสอบ (Question Bank)

การทดสอบนี้มีเป้าหมายเพื่อวัดความพร้อมของนักเรียนสำหรับการเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เดิมทีการออกแบบไม่ได้สอดคล้องกับหลักสูตรระดับมัธยมปลาย แต่มีการปรับข้อสอบใหม่หลายประการเพื่อให้เข้ากับ SAT เวอร์ชันปี 2016 David Coleman ประธานของ College Board ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เขาต้องการทำให้การสอบสะท้อนสิ่งที่นักเรียนได้เรียนรู้ในโรงเรียนภายใต้ Common Core Standards ซึ่งเป็นมาตรฐานหลักสูตรที่ใช้กันในเขตโคลัมเบียและหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา

ตั้งแต่ปีการศึกษา 2015–2016 College Board ได้เริ่มความร่วมมือกับ Khan Academy เพื่อให้บริการคอร์สเตรียมสอบ SAT ฟรีสำหรับนักเรียน ต่อมาในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2021 College Board ได้ประกาศยกเลิก ส่วนการเขียนเรียงความแบบเลือกทำได้ และ การทดสอบวิชาเฉพาะทาง (SAT Subject Tests) เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2022 ได้ประกาศว่า SAT จะเปลี่ยนจากแบบทดสอบกระดาษ-ดินสอ ไปสู่รูปแบบ ดิจิทัล โดยการเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มใช้สำหรับผู้เข้าสอบต่างประเทศในเดือนมีนาคม 2023 และจะเริ่มใช้กับผู้เข้าสอบในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2024 เป็นต้นไป

แม้จะมีงานวิจัยจำนวนมากเกี่ยวกับ SAT แต่ก็ยังคงมีคำถามและความเข้าใจผิดอยู่ไม่น้อย นอกจากใช้ในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ยังมีนักวิจัยบางกลุ่มใช้ SAT เพื่อศึกษาระดับสติปัญญาทั่วไปของมนุษย์ หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้มีพรสวรรค์ทางสติปัญญา และบางองค์กรยังใช้ผลสอบนี้เป็นหนึ่งในเกณฑ์การสรรหาพนักงานอีกด้วย

Friday, May 30, 2025

cambridge english test ค่าสอบ

 รายละเอียดเพิ่มเติม:

  • Young Learners English (YLE):

    • Pre A1 Starters: 2,200 บาท 
    • A1 Movers: 2,400 บาท 
    • A2 Flyers: 2,600 บาท 
  • Main Suite:
    • A2 KET (Key): 2,950-4,900 บาท 
    • B1 PET (Preliminary): ประมาณ 3,000-5,000 บาท (ข้อมูลจากหลายแหล่งอาจแตกต่างกันเล็กน้อย)
    • B2 FCE (First): ประมาณ 4,500-7,000 บาท (ข้อมูลจากหลายแหล่งอาจแตกต่างกันเล็กน้อย)
    • C1 Advanced (CAE): ประมาณ 7,000-8,000 บาท 
    • C2 Proficiency (CPE): ประมาณ 7,500-9,000 บาท (ข้อมูลจากหลายแหล่งอาจแตกต่างกันเล็กน้อย)
  • หมายเหตุ:
    • ค่าสอบอาจแตกต่างกันไปตามศูนย์สอบที่แตกต่างกัน 
    • ราคาที่ระบุเป็นประมาณการเท่านั้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากศูนย์สอบที่สนใจ 
    • นอกจากค่าสอบแล้ว อาจมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าสมัครสอบ หรือค่าธรรมเนียมการโอนเงิน (หากมี) 

    Thursday, May 29, 2025

    A2 Flyers เดิมเรียกว่า Cambridge English: Flyers (YLE Flyers)

    Pre A1 Starters ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Starters (YLE Starters)
    A1 Movers ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Movers (YLE Movers)
    A2 Flyers เดิมเรียกว่า Cambridge English: Flyers (YLE Flyers)
    Cambridge English: Young Learners (YLE) qualifications คุณสมบัติ Cambridge English: Young Learners (YLE)

     

    A2 Flyers เดิมเรียกว่า Cambridge English: Flyers (YLE Flyers) เป็นหนึ่งในวุฒิบัตรภาษาอังกฤษของเคมบริดจ์ (Cambridge English Qualifications) ซึ่งเป็นการทดสอบภาษาอังกฤษแบบสนุกสนานและเน้นกิจกรรมสำหรับเด็ก เป็นระดับที่สามจากชุดแบบทดสอบสำหรับเด็กของเรา

    A2 Flyers เป็นระดับที่สามจากวุฒิบัตรภาษาอังกฤษของเคมบริดจ์ (Cambridge English Qualifications) ที่ออกแบบมาสำหรับผู้เรียนที่เป็นเด็ก แบบทดสอบเหล่านี้ช่วยให้เด็กได้ทำความรู้จักกับภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งในรูปแบบลายลักษณ์อักษรและการพูด และเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเสริมสร้างความมั่นใจและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของพวกเขา

    แบบทดสอบถูกออกแบบให้สอดคล้องกับหัวข้อที่เด็กคุ้นเคย และเน้นทักษะที่จำเป็นในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพในภาษาอังกฤษ ได้แก่ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน



    A2 Flyers สามารถช่วยให้บุตรหลานของคุณ:

    • เข้าใจภาษาอังกฤษพื้นฐานในรูปแบบลายลักษณ์อักษร
    • สื่อสารในสถานการณ์ที่คุ้นเคย
    • เข้าใจและใช้วลีหรือสำนวนพื้นฐาน
    • โต้ตอบกับผู้ที่พูดภาษาอังกฤษอย่างช้าและชัดเจนได้

    เหตุผลที่ควรเลือก A2 Flyers:

    • ไม่มีการสอบตกหรือสอบผ่าน – เด็กทุกคนจะได้รับใบรับรองจาก Cambridge English เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของพวกเขา
    • ข้อสอบใช้สถานการณ์จริงในชีวิตประจำวัน เพื่อทำให้การเรียนรู้มีชีวิตชีวา
    • ข้อสอบครอบคลุมรูปแบบภาษาอังกฤษทุกแบบหลัก ๆ (เช่น ภาษาอังกฤษแบบบริติช ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน)
    • เรามีสื่อสนับสนุนมากมาย ทั้งแบบฟรีและมีค่าใช้จ่าย

    นี่คือคำแปลภาษาไทยของข้อความที่คุณให้มา:


    รูปแบบการสอบ

    A2 Flyers ประกอบด้วยแบบทดสอบ 3 ส่วน ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้ผู้เรียนที่เป็นเด็กมีแรงจูงใจในการเรียนภาษาอังกฤษ โดยสามารถดูรายละเอียดของแต่ละส่วนได้ดังนี้:

    ส่วนของข้อสอบ เนื้อหา คะแนน
    การฟัง (Listening) เวลาประมาณ 25 นาที
    5 ตอน / 25 คำถาม
    สูงสุด 5 โล่
    การอ่านและการเขียน (Reading and Writing) 40 นาที
    7 ตอน / 44 คำถาม
    สูงสุด 5 โล่
    การพูด (Speaking) 7–9 นาที
    4 ตอน
    สูงสุด 5 โล่

    หากต้องการรายละเอียดของแต่ละพาร์ตเพิ่มเติม เช่น ข้อสอบการฟังแต่ละพาร์ตมีอะไรบ้าง ก็สามารถแจ้งได้เลยครับ!


    ข้อสอบการฟัง (Listening) มีอะไรบ้าง?

    ข้อสอบการฟังของ A2 Flyers แบ่งออกเป็น 5 พาร์ต โดยแต่ละพาร์ตจะเริ่มต้นด้วยตัวอย่างหนึ่งหรือสองตัวอย่าง เด็ก ๆ จะได้ยินเสียงบันทึกแต่ละชุด สองครั้ง


    สรุป

    • เวลาที่ใช้: ประมาณ 25 นาที
    • จำนวนพาร์ต: 5
    • จำนวนคำถาม: 25
    • คะแนน: สูงสุด 5 โล่

    พาร์ตที่ 1

    • เนื้อหา: ภาพใหญ่หนึ่งภาพที่แสดงให้เห็นผู้คนทำกิจกรรมต่าง ๆ เหนือและใต้ภาพจะมีชื่ออยู่ เด็ก ๆ ต้องฟังบทสนทนาระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กอย่างตั้งใจ และลากเส้นจากแต่ละชื่อไปยังบุคคลที่ถูกต้องในภาพ
    • ควรฝึกฝน: การฟังชื่อและคำบรรยาย
    • จำนวนคำถาม: 5

    พาร์ตที่ 2

    • เนื้อหา: บทสนทนาสั้นระหว่างสองคน มีแบบฟอร์มหรือหน้าสมุดโน้ตที่มีช่องว่าง เด็ก ๆ ต้องฟังและเขียนคำหรือหมายเลขที่หายไปในแต่ละช่อง
    • ควรฝึกฝน: การฟังชื่อ การสะกดคำ และข้อมูลต่าง ๆ
    • จำนวนคำถาม: 5

    พาร์ตที่ 3

    • เนื้อหา: ชุดภาพสองชุด ด้านซ้ายเป็นภาพบุคคลหรือสถานที่ที่มีชื่อกำกับ ด้านขวาเป็นภาพที่มีตัวอักษรกำกับแต่ไม่มีคำ เด็ก ๆ ต้องฟังบทสนทนาระหว่างสองคน และจับคู่ภาพด้านขวากับภาพที่ถูกต้องด้านซ้าย
    • ควรฝึกฝน: การฟังคำศัพท์ ชื่อ และข้อมูลที่ละเอียด
    • จำนวนคำถาม: 5

    พาร์ตที่ 4

    • เนื้อหา: บทสนทนาสั้น 5 บทสนทนา แต่ละบทมีคำถามและรูปภาพให้เลือก 3 รูป เด็ก ๆ ต้องตัดสินใจว่ารูปใดเป็นคำตอบที่ถูกต้อง และทำเครื่องหมายถูกใต้ภาพนั้น
    • ควรฝึกฝน: การฟังเพื่อหาข้อมูลเฉพาะเจาะจง
    • จำนวนคำถาม: 5

    พาร์ตที่ 5

    • เนื้อหา: ภาพใหญ่หนึ่งภาพ เด็ก ๆ ต้องฟังบทสนทนาอย่างตั้งใจ ระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก และระบายสีวัตถุต่าง ๆ สำหรับ 3 คำถาม และเขียนคำศัพท์หนึ่งคำลงในภาพสำหรับอีก 2 คำถาม
    • ควรฝึกฝน: การฟังคำศัพท์ สี และข้อมูลเฉพาะ
    • จำนวนคำถาม: 5


    ข้อสอบการอ่านและการเขียน (Reading and Writing) มีอะไรบ้าง?

    ข้อสอบ Reading and Writing ของ A2 Flyers แบ่งออกเป็น 7 พาร์ต แต่ละพาร์ตจะเริ่มต้นด้วยตัวอย่างหนึ่งหรือสองตัวอย่าง สำหรับทุกพาร์ต เด็ก ๆ ต้องสะกดคำให้ถูกต้อง


    สรุป

    • เวลาที่ใช้: 40 นาที
    • จำนวนพาร์ต: 7
    • จำนวนคำถาม: 44 คำถาม
    • คะแนน: สูงสุด 5 โล่

    พาร์ตที่ 1

    • เนื้อหา: มีคำศัพท์ 15 คำ และประโยคคำจำกัดความ 10 ประโยค (คำอธิบายหรือความหมายของ 10 จาก 15 คำ) เด็ก ๆ ต้องเขียนคำศัพท์ที่ถูกต้องไว้ข้าง ๆ คำจำกัดความ
    • ควรฝึกฝน: การอ่านคำจำกัดความและจับคู่กับคำศัพท์ การคัดลอกคำศัพท์
    • จำนวนคำถาม: 10

    พาร์ตที่ 2

    • เนื้อหา: บทสนทนาสั้นระหว่างสองคน ข้อความของผู้พูดคนแรกจะพิมพ์อยู่ในกระดาษคำถาม และมีช่องว่างสำหรับคำตอบของผู้พูดคนที่สอง เด็ก ๆ ต้องเลือกคำตอบที่ถูกต้องจากตัวเลือก A–H
    • ควรฝึกฝน: การอ่านและเติมบทสนทนาให้สมบูรณ์ การเขียนตัวอักษร (A–H)
    • จำนวนคำถาม: 5

    พาร์ตที่ 3

    • เนื้อหา: ข้อความที่มีช่องว่าง (คำนาม คำคุณศัพท์ หรือคำกริยา) ด้านข้างของข้อความมีช่องที่แสดงคำศัพท์ เด็ก ๆ ต้องเลือกคำที่ถูกต้องจากกล่องไปเติมในช่องว่าง และเลือกชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุดจาก 3 ตัวเลือกสำหรับคำถามสุดท้าย
    • ควรฝึกฝน: การอ่านเพื่อหาข้อมูลเฉพาะและความเข้าใจโดยรวมของเนื้อหา การคัดลอกคำศัพท์
    • จำนวนคำถาม: 6

    พาร์ตที่ 4

    • เนื้อหา: ข้อความที่มีช่องว่าง แต่ละช่องจะมีตัวเลือกคำตอบ 3 คำ เด็ก ๆ ต้องเลือกคำที่ถูกต้องและคัดลอกคำลงในช่องว่าง
    • ควรฝึกฝน: การอ่านและทำความเข้าใจข้อความข้อเท็จจริง การคัดลอกคำศัพท์ ไวยากรณ์พื้นฐาน
    • จำนวนคำถาม: 10

    พาร์ตที่ 5

    • เนื้อหา: เรื่องเล่าแบบสมบูรณ์ พร้อมประโยค 7 ประโยคเกี่ยวกับเรื่องราวนั้น แต่ละประโยคมีช่องว่าง เด็ก ๆ ต้องเติมคำ 1–4 คำในแต่ละช่องว่าง
    • ควรฝึกฝน: การอ่านเรื่องราว และการเติมประโยคให้สมบูรณ์
    • จำนวนคำถาม: 7

    พาร์ตที่ 6

    • เนื้อหา: ข้อความจากจดหมายหรือไดอารี่ที่มีช่องว่าง 5 ช่อง เด็ก ๆ ต้องเขียนคำศัพท์ที่หายไปในแต่ละช่องโดยไม่มีตัวเลือกให้เลือก
    • ควรฝึกฝน: การอ่านและเข้าใจข้อความสั้น
    • จำนวนคำถาม: 5

    พาร์ตที่ 7

    • เนื้อหา: เด็ก ๆ ต้องเขียนเรื่องเล่าสั้น ๆ โดยดูจากภาพสามภาพที่กำหนดให้
    • ควรฝึกฝน: การเขียนเรื่องเล่าสั้น ๆ
    • จำนวนคำถาม: 1

    ข้อสอบการพูด (Speaking) มีอะไรบ้าง?

    ข้อสอบ Speaking ของ A2 Flyers มีทั้งหมด 4 พาร์ต เด็ก ๆ จะสอบตัวต่อตัวกับผู้สอบ แต่จะมีคนที่เด็กคุ้นเคยและพูดภาษาเดียวกัน (เช่น ครูของเด็ก) แนะนำตัวให้รู้จักกับผู้สอบและอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ เป็นภาษาของเด็ก


    สรุป

    • เวลาที่ใช้: 7–9 นาที
    • จำนวนพาร์ต: 4
    • คะแนน: สูงสุด 5 โล่

    พาร์ตที่ 1

    • เนื้อหา: ผู้สอบจะทักทายเด็ก และถามชื่อ นามสกุล และอายุ จากนั้นดูภาพสองภาพที่คล้ายกันแต่มีความแตกต่างกันบางจุด ผู้สอบจะให้เด็กอธิบายความแตกต่าง 4 จุดระหว่างภาพทั้งสอง
    • ควรฝึกฝน: การเข้าใจและพูดถึงความแตกต่างระหว่างภาพ เช่น สี ขนาด จำนวน ตำแหน่ง ลักษณะของคนหรือสิ่งของ และสิ่งที่คนกำลังทำ

    พาร์ตที่ 2

    • เนื้อหา: เด็กและผู้สอบจะมีภาพที่คล้ายกันคนละภาพ (เช่น ภาพห้องเรียนที่แตกต่างกัน) ผู้สอบมีข้อมูลเกี่ยวกับภาพหนึ่ง และเด็กมีข้อมูลเกี่ยวกับอีกภาพหนึ่ง ตอนแรกผู้สอบจะถามเด็กเกี่ยวกับภาพของเขา แล้วเด็กต้องถามผู้สอบเกี่ยวกับภาพอีกภาพหนึ่ง
    • ควรฝึกฝน: การตอบคำถามด้วยประโยคสั้น และการตั้งคำถามเพื่อหาข้อมูล

    พาร์ตที่ 3

    • เนื้อหา: ผู้สอบจะแสดงภาพ 4 ภาพที่เรียงตามลำดับเป็นเรื่องราว และบอกเนื้อหาในภาพแรกให้เด็กฟัง เด็กต้องเล่าเรื่องต่อโดยอธิบายภาพที่เหลืออีก 3 ภาพ โดยมีชื่อเรื่องและชื่อตัวละครหลักให้
    • ควรฝึกฝน: การเข้าใจจุดเริ่มต้นของเรื่องราวและเล่าต่อ การอธิบายภาพ

    พาร์ตที่ 4

    • เนื้อหา: ผู้สอบจะถามคำถามเกี่ยวกับตัวเด็กเอง เช่น โรงเรียน งานอดิเรก วันเกิด ครอบครัว หรือวันหยุด
    • ควรฝึกฝน: การเข้าใจคำถามและตอบคำถามส่วนตัว

    Pre A1 Starters ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Starters (YLE Starters)
    A1 Movers ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Movers (YLE Movers)
    A2 Flyers เดิมเรียกว่า Cambridge English: Flyers (YLE Flyers)
    Cambridge English: Young Learners (YLE) qualifications คุณสมบัติ Cambridge English: Young Learners (YLE)



    Wednesday, May 28, 2025

    A1 Movers ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Movers (YLE Movers)

    Pre A1 Starters ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Starters (YLE Starters)
    A1 Movers ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Movers (YLE Movers)
    A2 Flyers เดิมเรียกว่า Cambridge English: Flyers (YLE Flyers)
    Cambridge English: Young Learners (YLE) qualifications คุณสมบัติ Cambridge English: Young Learners (YLE)

     


    A1 Movers ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Movers (YLE Movers) เป็นหนึ่งในวุฒิบัตรภาษาอังกฤษของเคมบริดจ์ เป็นขั้นตอนถัดไปในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเด็ก ๆ



    A1 Movers เป็นวุฒิบัตรภาษาอังกฤษของเคมบริดจ์ขั้นที่สอง จากทั้งหมดสามขั้นที่ออกแบบมาเพื่อผู้เรียนเยาวชน ข้อสอบเหล่านี้ช่วยให้เด็กๆ ได้รู้จักกับภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันทั้งแบบเขียนและพูด และเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมที่ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตนเอง

    ข้อสอบถูกออกแบบโดยใช้หัวข้อที่คุ้นเคย และเน้นทักษะที่จำเป็นสำหรับการสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการฟัง พูด อ่าน และเขียน


    A1 Movers จะช่วยให้ลูกของคุณสามารถ:

    • เข้าใจคำสั่งพื้นฐาน หรือมีส่วนร่วมในการสนทนาง่าย ๆ
    • เข้าใจประกาศ คำแนะนำ หรือข้อมูลพื้นฐาน
    • กรอกแบบฟอร์มง่าย ๆ และเขียนบันทึก เช่น เวลา วันที่ และสถานที่

    เหตุผลที่ควรเลือก A1 Movers:

    • ไม่มีการผ่านหรือไม่ผ่าน — เด็กทุกคนจะได้รับใบประกาศนียบัตร Cambridge English เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของตนเอง
    • ข้อสอบใช้สถานการณ์ในชีวิตประจำวันที่สมจริง ทำให้การเรียนรู้มีชีวิตชีวา
    • ข้อสอบครอบคลุมทุกสำเนียงหลักของภาษาอังกฤษ (เช่น ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน)
    • เรามีแหล่งช่วยเหลือมากมายทั้งแบบฟรีและแบบมีค่าใช้จ่าย

    รูปแบบข้อสอบ

    A1 Movers ประกอบด้วยข้อสอบ 3 ส่วน ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้กับผู้เรียนเยาวชน คุณสามารถดูรายละเอียดของแต่ละส่วนได้ดังนี้

    ข้อสอบ เนื้อหา คะแนน
    ฟัง (ประมาณ 25 นาที) 5 ส่วน / 25 ข้อถาม สูงสุด 5 โล่ห์
    อ่านและเขียน (30 นาที) 6 ส่วน / 35 ข้อถาม สูงสุด 5 โล่ห์
    พูด (5–7 นาที) 4 ส่วน สูงสุด 5 โล่ห์

    ข้อสอบฟังมีอะไรบ้าง?

    ข้อสอบฟัง A1 Movers มี 5 ส่วน แต่ละส่วนจะเริ่มด้วยตัวอย่างหนึ่งหรือสองข้อ เด็กจะได้ฟังแต่ละบันทึกเสียง 2 รอบ

    สรุป

    • เวลาที่ใช้: ประมาณ 25 นาที
    • จำนวนส่วน: 5
    • จำนวนคำถาม: 25 ข้อ
    • คะแนน: สูงสุด 5 โล่ห์

    ส่วนที่ 1

    • มีอะไรในส่วนที่ 1? รูปภาพใหญ่ที่แสดงคนทำกิจกรรมต่าง ๆ ใต้และบนภาพจะมีชื่ออยู่ เด็กต้องฟังบทสนทนาระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กอย่างตั้งใจ และลากเส้นเชื่อมชื่อแต่ละชื่อกับบุคคลที่ถูกต้องบนภาพใหญ่
    • เด็กควรฝึกอะไร? การฟังเพื่อจับชื่อและคำอธิบาย
    • มีคำถามกี่ข้อ? 5 ข้อ

    ส่วนที่ 2

    • มีอะไรในส่วนที่ 2? บทสนทนาสั้น ๆ ระหว่างคนสองคน มีแบบฟอร์มหรือหน้ากระดาษโน้ตที่มีช่องว่างสำหรับคำหายไป เด็กต้องฟังบันทึกเสียงและเขียนคำหรือเลขที่ขาดในช่องว่างแต่ละช่อง
    • เด็กควรฝึกอะไร? การฟังเพื่อจับชื่อ การสะกดคำ และข้อมูลอื่น ๆ
    • มีคำถามกี่ข้อ? 5 ข้อ

    ส่วนที่ 3

    • มีอะไรในส่วนที่ 3? ชุดรูปภาพสองชุด ด้านซ้ายมีรูปคนและชื่อ หรือสถานที่และวัตถุที่มีชื่อ ด้านขวาเป็นชุดรูปภาพพร้อมตัวอักษรแต่ไม่มีคำ เด็กต้องฟังบทสนทนาระหว่างคนสองคนและจับคู่รูปภาพทางขวากับรูปภาพที่มีชื่อทางซ้าย
    • เด็กควรฝึกอะไร? การฟังเพื่อจับคำ ชื่อ และข้อมูลรายละเอียด
    • มีคำถามกี่ข้อ? 5 ข้อ

    ส่วนที่ 4

    • มีอะไรในส่วนที่ 4? บทสนทนาสั้น 5 บท มีคำถามและรูปภาพ 3 รูปสำหรับแต่ละบทสนทนา เด็กต้องเลือกภาพที่แสดงคำตอบถูกต้องและทำเครื่องหมายถูกในช่องใต้ภาพนั้น
    • เด็กควรฝึกอะไร? การฟังเพื่อจับข้อมูลเฉพาะ
    • มีคำถามกี่ข้อ? 5 ข้อ

    ส่วนที่ 5

    • มีอะไรในส่วนที่ 5? รูปภาพใหญ่ เด็กต้องฟังบทสนทนาระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กอย่างตั้งใจ ผู้ใหญ่จะให้เด็กระบายสีวัตถุต่าง ๆ ในภาพและเขียนคำง่าย ๆ เด็กต้องทำตามคำสั่ง
    • เด็กควรฝึกอะไร? การฟังเพื่อจับคำศัพท์ สี และข้อมูลเฉพาะ
    • มีคำถามกี่ข้อ? 5 ข้อ

    ข้อสอบอ่านและเขียนมีอะไรบ้าง?

    ข้อสอบอ่านและเขียน A1 Movers มี 6 ส่วน แต่ละส่วนจะเริ่มด้วยตัวอย่างหนึ่งหรือสองข้อ ในทุกส่วนของข้อสอบอ่านและเขียน เด็กต้องสะกดคำตอบให้ถูกต้อง

    สรุป

    • เวลาที่ใช้: 30 นาที
    • จำนวนส่วน: 6
    • จำนวนคำถาม: 35 ข้อ
    • คะแนน: สูงสุด 5 โล่ห์

    ส่วนที่ 1

    • มีอะไรในส่วนที่ 1? ทางซ้ายมีรูปภาพ 8 รูปพร้อมคำศัพท์ภาษาอังกฤษใต้ภาพ ทางขวามีคำอธิบายสั้น ๆ (ประโยคที่บรรยายหรืออธิบาย 5 จาก 8 สิ่งในภาพซ้าย) เด็กต้องเลือกภาพที่ตรงกับคำอธิบายแต่ละข้อและคัดลอกคำศัพท์ที่ถูกต้องลงใต้คำอธิบายนั้น
    • เด็กควรฝึกอะไร? การอ่านคำอธิบายสั้น ๆ และจับคู่กับคำศัพท์ การเขียนคำศัพท์
    • มีคำถามกี่ข้อ? 5 ข้อ

    ส่วนที่ 2

    • มีอะไรในส่วนที่ 2? บทสนทนาสั้น ๆ ระหว่างคนสองคน เด็กต้องเลือกว่าผู้พูดคนที่สองพูดคำตอบใด (A, B หรือ C) ในแต่ละครั้ง
    • เด็กควรฝึกอะไร? การอ่านบทสนทนาและเลือกคำตอบที่ถูกต้อง
    • มีคำถามกี่ข้อ? 6 ข้อ

    ส่วนที่ 3

    • มีอะไรในส่วนที่ 3? ข้อความที่มีคำบางคำขาดหายไป (ช่องว่าง) ข้างข้อความมีรูปเล็ก ๆ และคำศัพท์ เด็กต้องเลือกคำที่เหมาะสมใส่ในช่องว่างและคัดลอกคำลงไป สำหรับคำถามสุดท้าย เด็กต้องเลือกหัวข้อที่ดีที่สุดสำหรับข้อความจากตัวเลือก 3 หัวข้อ
    • เด็กควรฝึกอะไร? การอ่านจับใจความสำคัญและข้อมูลเฉพาะ การคัดลอกคำศัพท์
    • มีคำถามกี่ข้อ? 6 ข้อ

    ส่วนที่ 4

    • มีอะไรในส่วนที่ 4? ข้อความที่มีคำขาดหายไป (ช่องว่าง) ข้างแต่ละช่องว่างมีคำตอบให้เลือก 3 คำ เด็กต้องเลือกคำตอบที่ถูกต้องและคัดลอกคำลงในช่องว่าง
    • เด็กควรฝึกอะไร? การอ่านและเข้าใจข้อความข้อเท็จจริง ไวยากรณ์ง่าย ๆ การคัดลอกคำ
    • มีคำถามกี่ข้อ? 5 ข้อ

    ส่วนที่ 5

    • มีอะไรในส่วนที่ 5? เรื่องเล่า 3 ตอน แต่ละตอนมีภาพประกอบ หลังแต่ละตอน เด็กต้องเติมประโยคเกี่ยวกับเรื่องเล่าโดยใช้คำ 1, 2 หรือ 3 คำ
    • เด็กควรฝึกอะไร? การอ่านเรื่องเล่าและเติมประโยคให้สมบูรณ์
    • มีคำถามกี่ข้อ? 7 ข้อ

    ส่วนที่ 6

    • มีอะไรในส่วนที่ 6? รูปภาพพร้อมประโยคแนะนำ เด็กต้องเติมประโยค ตอบคำถาม และเขียนประโยคเต็มเกี่ยวกับรูปภาพ
    • เด็กควรฝึกอะไร? การเติมประโยค ตอบคำถาม และเขียนประโยคเกี่ยวกับภาพ
    • มีคำถามกี่ข้อ? 6 ข้อ

    ข้อสอบพูดมีอะไรบ้าง?

    ข้อสอบพูด A1 Movers มี 4 ส่วน เด็กจะสอบคนเดียวกับผู้ทดสอบ แต่จะมีคนที่รู้จักและพูดภาษาของเด็ก (เช่น ครูของเด็ก) แนะนำเด็กให้รู้จักกับผู้ทดสอบ และอธิบายวิธีการสอบเป็นภาษาของเด็ก

    สรุป

    • เวลาที่ใช้: 5–7 นาที
    • จำนวนส่วน: 4
    • คะแนน: สูงสุด 5 โล่ห์

    ส่วนที่ 1

    • มีอะไรในส่วนที่ 1? ผู้ทดสอบจะทักทายเด็กและถามชื่อกับอายุ จากนั้นจะดูรูปภาพ 2 รูป รูปภาพคล้ายกันแต่มีความแตกต่างกัน ผู้ทดสอบจะให้เด็กบรรยายความแตกต่าง 4 อย่างในรูปภาพนั้น
    • เด็กควรฝึกอะไร? บรรยายความแตกต่างระหว่างภาพ เช่น สี ขนาด จำนวน ตำแหน่ง รูปลักษณ์ของคน/สิ่งของ และสิ่งที่คนกำลังทำ เป็นต้น

    ส่วนที่ 2

    • มีอะไรในส่วนที่ 2? ผู้ทดสอบจะแสดงรูปภาพ 4 รูปที่เล่าเรื่อง และบอกเล่าเรื่องราวของรูปแรก เด็กต้องเล่าเรื่องต่อและบรรยายรูปภาพอีก 3 รูป หัวข้อเรื่องและชื่อตัวละครหลักจะมีให้
    • เด็กควรฝึกอะไร? เข้าใจจุดเริ่มต้นของเรื่องแล้วเล่าเรื่องต่อ บรรยายรูปภาพ

    ส่วนที่ 3

    • มีอะไรในส่วนที่ 3? ผู้ทดสอบจะแสดงรูปภาพ 4 ชุด ชุดละ 4 รูป ในแต่ละชุดมีรูปหนึ่งที่แตกต่างจากรูปอื่น เด็กต้องบอกว่ารูปไหนต่างและอธิบายเหตุผล
    • เด็กควรฝึกอะไร? ชี้รูปที่แตกต่างและอธิบายเหตุผล

    ส่วนที่ 4

    • มีอะไรในส่วนที่ 4? ผู้ทดสอบจะถามเด็กเกี่ยวกับตัวเอง เช่น โรงเรียน วันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อน และงานอดิเรก
    • เด็กควรฝึกอะไร? เข้าใจและตอบคำถามเกี่ยวกับตัวเอง

    Pre A1 Starters ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Starters (YLE Starters)
    A1 Movers ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Movers (YLE Movers)
    A2 Flyers เดิมเรียกว่า Cambridge English: Flyers (YLE Flyers)
    Cambridge English: Young Learners (YLE) qualifications คุณสมบัติ Cambridge English: Young Learners (YLE)


    10 คำถามยอดฮิตที่ผู้ปกครองมักถามเกี่ยวกับการสอบ Cambridge English

     

    10 คำถามยอดฮิตที่ผู้ปกครองมักถามเกี่ยวกับการสอบ Cambridge English

    การสอบ Cambridge YLE (Cambridge English: Young Learners) เป็นการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษสำหรับเด็กที่ผู้ปกครองให้ความสนใจอย่างมาก เพราะสามารถช่วยวางรากฐานการเรียนภาษาอังกฤษให้ลูกได้อย่างมั่นคง พร้อมประเมินผลการเรียนรู้ผ่านการสอบ แต่ก็มีคำถามมากมายที่ผู้ปกครองมักสงสัยเมื่อต้องการสมัครสอบหรือเตรียมลูกให้พร้อมสอบ

    ต่อไปนี้คือ 10 คำถามยอดฮิต พร้อมคำตอบแบบละเอียดเพื่อให้คุณเข้าใจการสอบนี้มากยิ่งขึ้น:


    1. ควรเริ่มสอบ Starters / Movers / Flyers ตอนอายุเท่าไรถึงจะเหมาะ?

    Cambridge YLE แบ่งออกเป็น 3 ระดับ เหมาะกับช่วงอายุและระดับภาษาอังกฤษของเด็กต่างกัน:

    • Starters (ระดับเริ่มต้น): สำหรับเด็กอายุ 6-8 ปี ที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ
    • Movers (ระดับพื้นฐาน): สำหรับเด็กอายุ 8-10 ปี ที่มีทักษะพื้นฐานภาษาอังกฤษ
    • Flyers (ระดับสูงสุดของ YLE): สำหรับเด็กอายุ 9-12 ปี ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ซับซ้อนขึ้น

    แม้ว่าจะมีการแนะนำช่วงอายุ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษของเด็ก หากเด็กเก่งกว่าระดับทั่วไป ก็สามารถสอบระดับที่สูงขึ้นได้ก่อนเวลา


    2. ค่าสอบเท่าไร? จัดสอบบ่อยแค่ไหน?

    • ค่าสอบแต่ละระดับอยู่ที่ประมาณ THB\$1,800 - 2,500 (ขึ้นอยู่กับศูนย์สอบ)
    • จัดสอบประมาณ 14 ครั้งต่อปี
    • การสมัครสอบมักเต็มเร็วมาก ผู้ปกครองควรติดตามวันเปิดรับสมัครล่วงหน้าและเตรียมตัวให้พร้อม

    3. ถ้าไม่ได้เรียนพิเศษ จะเตรียมสอบอย่างไร? ต้องใช้เวลานานไหม?

    ตอบได้เลยว่า สามารถเตรียมสอบได้แม้ไม่ได้เรียนพิเศษ! แนะนำให้ฝึกวันละอย่างน้อย 30 นาที ด้วยวิธีดังนี้:

    • ใช้ข้อสอบตัวอย่างของ Cambridge ฝึกทำเพื่อคุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ
    • ฝึกพูดโดยการอัดเสียง ให้เด็กชินกับการพูดภาษาอังกฤษ
    • ฝึกฟังทุกวัน เช่น ฟังเพลงหรือฟังนิทานภาษาอังกฤษ เพื่อเสริมทักษะการฟัง

    4. จะพัฒนาทักษะฟังและพูดอย่างไรให้ดีขึ้น?

    ใช้แหล่งเรียนรู้ฟรี เช่น:

    • BBC Learning English Kids: มีกิจกรรมภาษาอังกฤษเชิงโต้ตอบ
    • ช่อง YouTube: English Singsing: ใช้การ์ตูนนำเสนอภาษาอังกฤษ สนุกและเข้าใจง่าย
    • ฝึกสนทนากับผู้ปกครอง: ใช้บทสนทนาง่าย ๆ ฝึกพูดทุกวัน

    5. ต้องเตรียมตัวอย่างไรในวันสอบ?

    • เตรียม ดินสอสี (บางส่วนของข้อสอบให้วาดรูป)
    • ไปถึงศูนย์สอบตรงเวลา (หากมาสายจะไม่ได้เข้าสอบ)
    • สวมใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ
    • ซ้อมสอบล่วงหน้ากับลูก เพื่อให้เด็กไม่ตื่นเต้น

    6. จำนวนโล่ (shield) ส่งผลต่อการเรียนต่อไหม? โรงเรียนให้ความสำคัญส่วนไหน?

    • คะแนนจะแสดงเป็น โล่ แยกตามทักษะ (ฟัง พูด อ่าน เขียน)
    • โรงเรียนทั่วไปมักดู โล่รวมทั้งหมด
    • โรงเรียนชั้นนำอาจพิจารณาเฉพาะ ทักษะพูดหรือเขียน ที่ต้องได้โล่เต็ม

    แม้ไม่ใช่ข้อสอบบังคับ แต่ถือเป็นใบรับรองทักษะที่มีประโยชน์ต่อการเรียนในอนาคต


    7. หลังสอบ Flyers แล้ว ควรเรียนอะไรต่อ?

    Flyers คือระดับสูงสุดของ YLE เด็กสามารถต่อยอดได้ดังนี้:

    • ไปสอบ KET (A2) หรือ PET (B1)
    • หรือเปลี่ยนไปสอบ TOEFL Primary / TOEFL Junior เพื่อเตรียมตัวสอบ TOEFL ในอนาคต

    เลือกข้อสอบที่เหมาะสมกับลูก เพื่อให้การเรียนภาษาอังกฤษต่อเนื่อง


    8. ผู้สอบสัมภาษณ์เป็นชาวต่างชาติไหม?

    • ผู้สอบสัมภาษณ์ในพาร์ทการพูดส่วนใหญ่เป็น ครูต่างชาติ
    • แต่ การให้คะแนนเน้นที่การสื่อสารได้ ไม่ใช่สำเนียง
    • เด็กที่พูดชัดเจนแม้มีสำเนียงไต้หวัน ก็ยังได้คะแนนดี

    9. ข้อสอบจำลองกับข้อสอบจริงต่างกันมากไหม?

    • ข้อสอบจำลองมัก ง่ายกว่า ของจริง
    • ข้อสอบจริงมี ความเร็วในการฟังมากขึ้น และ ภาพหรือคำถามซับซ้อนกว่าเล็กน้อย

    แนะนำให้ฝึกข้อสอบหลากหลายเวอร์ชัน เพื่อให้ลูกมีความพร้อมสูงสุด


    10. ถ้าสอบไม่ผ่าน ทำอย่างไร? สอบใหม่ได้ไหม?

    • ทุกคนจะได้รับใบรายงานผล ไม่แบ่ง "ผ่าน" หรือ "ไม่ผ่าน" แบบตายตัว
    • หากได้โล่รวมไม่ถึง 10 ถือว่ายังไม่สมบูรณ์ แต่ สามารถสอบใหม่ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
    • วิเคราะห์จากใบรายงานผลว่า จุดอ่อนคืออะไร
    • ปรับวิธีเรียนรู้ แล้วลองสอบใหม่ให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป

    ลูกของคุณพร้อมแล้วหรือยัง?

    การสอบ Cambridge English ไม่ใช่แค่การวัดระดับภาษาอังกฤษ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้และพัฒนาของเด็กแต่ละคน ผู้ปกครองสามารถเลือกแนวทางการสอบและการเตรียมตัวที่เหมาะสม ตามระดับความสามารถและความต้องการของลูกได้

    แล้วลูกของคุณกำลังเตรียมสอบ Cambridge English อยู่หรือไม่? คุณพบเจอปัญหาเหล่านี้อยู่หรือเปล่า?

    🎯 1. ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มเตรียมตอนไหน กลัวเร็วหรือช้าเกินไป? 📌 ควรเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่อายุเท่าไหร่ดี? กลัวลูกยังเด็กเกินไปและยังไม่พร้อมสอบ?

    📚 2. หาแหล่งเรียนที่เหมาะสมไม่ได้ กลัวเตรียมผิดทาง? 📌 สื่อการเรียนในอินเทอร์เน็ตมีมากมาย ไม่รู้จะเลือกใช้สื่อทางการหรือเสริมดี? 📌 เรียนฟรีกับคอร์สเสียเงิน แบบไหนช่วยลูกได้มากกว่ากัน?

    3. พื้นฐานภาษาอังกฤษของลูกยังไม่แน่น ทำให้เตรียมตัวยาก? 📌 คำศัพท์น้อย โครงสร้างประโยคไม่แม่น ฟังไม่ทัน จะเริ่มยังไงดี? 📌 ถ้าเริ่มด้วยแบบฝึกหัดสอบเลย เด็กอาจรู้สึกต่อต้าน ไม่อยากเรียน?

    💬 4. ทักษะพูดคือจุดอ่อนที่สุด ไม่กล้าพูดอังกฤษ? 📌 ลูกกลัวพูดผิด ไม่กล้าพูด จะฝึกให้คล่องขึ้นได้อย่างไร? 📌 ผู้ปกครองพูดอังกฤษไม่เก่ง จะช่วยลูกฝึกพูดได้ไหม?

    🎧 5. ข้อสอบฟังเร็วเกินไป เด็กตามไม่ทัน? 📌 ฟังไม่เข้าใจคำสำคัญตอนสอบ ทำให้ตอบคำถามไม่ได้? 📌 ไม่มีสภาพแวดล้อมภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ขาดการฝึกแบบ immersion?

    หากคุณกำลังเจอปัญหาข้างต้น และต้องการคำแนะนำหรือแนวทางแก้ไข ขอเชิญเข้าร่วม LINE ทางการของเรา "KK English" เราพร้อมเป็นกำลังใจและช่วยเหลือในการเตรียมตัวสอบ Cambridge English ของลูกคุณ!

    Pre A1 Starters ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Starters (YLE Starters)

     

    Pre A1 Starters ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Starters (YLE Starters)
    A1 Movers ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Movers (YLE Movers)
    A2 Flyers เดิมเรียกว่า Cambridge English: Flyers (YLE Flyers)
    Cambridge English: Young Learners (YLE) qualifications คุณสมบัติ Cambridge English: Young Learners (YLE)


    Pre A1 Starters ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Starters (YLE Starters) เป็นหนึ่งในวุฒิบัตร Cambridge English Qualifications ของเรา และถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางในการเรียนรู้ภาษาของเด็ก ๆ

    Pre A1 Starters เป็นการสอบระดับแรกในบรรดาสามระดับของวุฒิบัตร Cambridge English Qualifications ที่ออกแบบมาสำหรับเด็กนักเรียนโดยเฉพาะ การสอบนี้มีจุดประสงค์เพื่อแนะนำภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันทั้งในรูปแบบการอ่านและการฟังให้กับเด็ก ๆ และเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างความมั่นใจและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของพวกเขา

    ข้อสอบถูกออกแบบให้ครอบคลุมหัวข้อที่เด็ก ๆ คุ้นเคย และมุ่งเน้นทักษะที่จำเป็นในการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพผ่าน การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน

    Pre A1 Starters สามารถช่วยให้บุตรหลานของคุณก้าวแรกอย่างมั่นใจไปสู่การ:

    • เข้าใจเนื้อหาภาษาอังกฤษพื้นฐานบนอินเทอร์เน็ต
    • สนุกกับหนังสือ เพลง รายการโทรทัศน์ และภาพยนตร์ที่เป็นภาษาอังกฤษ
    • สร้างมิตรภาพกับเพื่อน ๆ ทั่วโลก

    เหตุผลที่ควรเลือก Pre A1 Starters

    • ไม่มีการสอบตก – เด็กทุกคนจะได้รับใบประกาศนียบัตรจาก Cambridge English เพื่อแสดงความสำเร็จของพวกเขา
    • ข้อสอบใช้สถานการณ์ในชีวิตประจำวันจริง เพื่อทำให้การเรียนรู้มีชีวิตชีวา
    • ข้อสอบครอบคลุมรูปแบบภาษาอังกฤษหลักทั้งหมด (เช่น British English, American English)
    • มีสื่อสนับสนุนการเรียนรู้ให้เลือกมากมาย ทั้งแบบฟรีและมีค่าใช้จ่าย

    รูปแบบการสอบ

    Pre A1 Starters ประกอบด้วยข้อสอบ 3 ส่วน ซึ่งออกแบบมาเพื่อส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจให้กับผู้เรียนระดับเยาวชน คุณสามารถดูรายละเอียดของแต่ละส่วนได้ด้านล่างนี้:

    ส่วนข้อสอบ เนื้อหา คะแนนสูงสุด
    Listening (ประมาณ 20 นาที) 4 ส่วน / 20 คำถาม สูงสุด 5 โล่
    Reading and Writing (20 นาที) 5 ส่วน / 25 คำถาม สูงสุด 5 โล่
    Speaking (3–5 นาที) 4 ส่วน สูงสุด 5 โล่

    ข้อสอบทั้ง 3 ส่วนนี้ช่วยให้เด็ก ๆ ได้ฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษอย่างรอบด้าน ทั้งการฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด ในบรรยากาศที่สนุกสนานและไม่กดดัน

    เนื้อหาในข้อสอบ Listening (การฟัง)

    ข้อสอบ Listening ของ Pre A1 Starters แบ่งออกเป็น 4 ส่วน โดยในแต่ละส่วนจะเริ่มด้วยตัวอย่าง 1 หรือ 2 ข้อก่อน เด็ก ๆ จะได้ฟังแต่ละบทสนทนา 2 ครั้ง


    สรุปโดยรวม

    • เวลา: ประมาณ 20 นาที
    • จำนวนส่วน: 4
    • จำนวนคำถาม: 20 ข้อ
    • คะแนน: สูงสุด 5 โล่

    ส่วนที่ 1

    • เนื้อหา: ภาพใหญ่ภาพหนึ่งแสดงให้เห็นคนหลายคนกำลังทำกิจกรรมต่างกัน เหนือและใต้ภาพจะมีชื่อเด็ก ๆ หลายชื่อ เด็กต้องฟังบทสนทนาระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กอย่างตั้งใจ และลากเส้นจากแต่ละชื่อไปยังคนที่ตรงกับคำอธิบายในภาพ
    • ฝึกทักษะ: ฟังชื่อและคำบรรยาย
    • จำนวนคำถาม: 5 ข้อ

    ส่วนที่ 2

    • เนื้อหา: การสนทนาสั้น ๆ ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ พร้อมคำถาม เด็กต้องฟังแล้วเขียนคำตอบที่ถูกต้อง (เป็นชื่อหรือเลข) ลงหลังคำถามแต่ละข้อ
    • ฝึกทักษะ: ฟังตัวเลขและการสะกดคำ
    • จำนวนคำถาม: 5 ข้อ

    ส่วนที่ 3

    • เนื้อหา: การสนทนาสั้น ๆ 5 ครั้ง ระหว่างคนสองคนแต่ละคู่ สำหรับแต่ละบทสนทนา จะมีคำถามและภาพให้เลือก 3 ภาพ เด็กต้องเลือกคำตอบที่ถูกต้องจาก A, B หรือ C
    • ฝึกทักษะ: ฟังข้อมูลเฉพาะเจาะจง
    • จำนวนคำถาม: 5 ข้อ

    ส่วนที่ 4

    • เนื้อหา: ภาพใหญ่ที่มีวัตถุชนิดเดียวกัน 7 ชิ้น (เช่น ลูกบอล หนังสือ ฯลฯ) เด็กต้องฟังบทสนทนาระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กอย่างตั้งใจ และระบายสีแต่ละชิ้นตามที่ได้ยินในบทสนทนา
    • ฝึกทักษะ: ฟังคำศัพท์ สี และบุพบท (prepositions)
    • จำนวนคำถาม: 5 ข้อ

    ข้อสอบอ่านและเขียนมีอะไรบ้าง?

    ข้อสอบอ่านและเขียน Pre A1 Starters มี 5 ส่วน แต่ละส่วนจะเริ่มต้นด้วยตัวอย่างหนึ่งหรือสองข้อ สำหรับทุกส่วนของข้อสอบอ่านและเขียน เด็กๆ ต้องสะกดคำตอบให้ถูกต้อง

    สรุป

    • เวลาที่ใช้: ประมาณ 20 นาที
    • จำนวนส่วน: 5
    • จำนวนคำถาม: 25 ข้อ
    • คะแนน: สูงสุด 5 โล่ห์

    ส่วนที่ 1

    • มีอะไรในส่วนที่ 1? รูปภาพของวัตถุ 5 รูป ใต้แต่ละรูปจะมีประโยคขึ้นต้นด้วย “This is a …” หรือ “These are …” ถ้าประโยคถูกต้อง เด็กๆ ต้องทำเครื่องหมายถูกข้างรูปภาพ ถ้าประโยคไม่ถูกต้อง ให้ทำเครื่องหมายกากบาท
    • เด็กควรฝึกอะไร? อ่านประโยคสั้น ๆ และรู้จักคำศัพท์
    • มีคำถามกี่ข้อ? 5 ข้อ

    ส่วนที่ 2

    • มีอะไรในส่วนที่ 2? รูปภาพใหญ่หนึ่งรูปพร้อมประโยคเกี่ยวกับภาพนั้น ถ้าประโยคถูกต้อง เด็กๆ ต้องเขียนคำว่า “yes” ถ้าไม่ถูกต้อง ให้เขียนคำว่า “no”
    • เด็กควรฝึกอะไร? อ่านประโยคเกี่ยวกับภาพ และเขียนคำตอบเป็นคำเดียว
    • มีคำถามกี่ข้อ? 5 ข้อ

    ส่วนที่ 3

    • มีอะไรในส่วนที่ 3? รูปภาพของวัตถุ 5 รูป เด็กต้องหาคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ถูกต้องของวัตถุนั้น หลังแต่ละรูปจะมีขีดแสดงจำนวนตัวอักษรในคำ และตัวอักษรที่สลับกัน เด็กต้องเรียงตัวอักษรเหล่านั้นให้ถูกต้องเพื่อได้คำศัพท์
    • เด็กควรฝึกอะไร? การสะกดคำศัพท์เดี่ยว
    • มีคำถามกี่ข้อ? 5 ข้อ

    ส่วนที่ 4

    • มีอะไรในส่วนที่ 4? ข้อความกึ่งจริงกึ่งเรื่องเล่าที่มีคำหายไป (ช่องว่าง) ด้านล่างข้อความมีกรอบที่มีรูปภาพและคำศัพท์ เด็กต้องเลือกคำที่ถูกต้องจากกรอบไปเติมในช่องว่างแต่ละช่อง
    • เด็กควรฝึกอะไร? อ่านข้อความและเขียนคำศัพท์ที่ขาด (คำประเภทคำนาม)
    • มีคำถามกี่ข้อ? 5 ข้อ

    ส่วนที่ 5

    • มีอะไรในส่วนที่ 5? รูปภาพ 3 รูปที่บอกเล่าเรื่องราว แต่ละรูปมีคำถามหนึ่งหรือสองข้อ เด็กต้องดูรูปและเขียนคำตอบคำเดียวสำหรับแต่ละคำถาม
    • เด็กควรฝึกอะไร? อ่านคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวในรูป และเขียนคำตอบคำเดียว
    • มีคำถามกี่ข้อ? 5 ข้อ

    ข้อสอบพูดมีอะไรบ้าง?

    ข้อสอบพูด Pre A1 Starters มี 4 ส่วน เด็กจะสอบแบบตัวต่อตัวกับผู้ทดสอบ แต่จะมีคนที่รู้จักและพูดภาษาของเด็ก (เช่น ครูของเด็ก) แนะนำเด็กให้รู้จักกับผู้ทดสอบและอธิบายวิธีการทำข้อสอบเป็นภาษาของเด็กเอง

    สรุป

    • เวลาที่ใช้: 3–5 นาที
    • จำนวนส่วน: 4
    • คะแนน: สูงสุด 5 โล่ห์

    ส่วนที่ 1

    • มีอะไรในส่วนที่ 1? ผู้ทดสอบจะทักทายเด็กและถามชื่อ จากนั้นจะให้เด็กชี้ไปที่สิ่งของต่าง ๆ ในภาพใหญ่ ผู้ทดสอบจะแสดงรูปภาพเล็ก ๆ ของวัตถุและพูดชื่อวัตถุ 3 ชิ้นให้เด็กชี้ จากนั้นผู้ทดสอบจะให้เด็กวางการ์ดวัตถุแต่ละชิ้นในตำแหน่งต่าง ๆ บนภาพใหญ่ (เช่น ‘วางเปลือกหอยไว้ใต้ต้นไม้’)
    • เด็กควรฝึกอะไร? การฟังและทำตามคำสั่งที่พูดออกมา

    ส่วนที่ 2

    • มีอะไรในส่วนที่ 2? ผู้ทดสอบจะถามเด็กเกี่ยวกับภาพใหญ่จากส่วนที่ 1 (เช่น ‘นี่คืออะไร?’, ‘สีอะไร?’) และจะให้เด็ก ‘บอกฉันเกี่ยวกับ …’ วัตถุหนึ่งชิ้นในภาพใหญ่
    • เด็กควรฝึกอะไร? การฟังและทำตามคำสั่งที่พูดออกมา

    ส่วนที่ 3

    • มีอะไรในส่วนที่ 3? ผู้ทดสอบจะถามเด็กเกี่ยวกับรูปภาพเล็ก ๆ ของวัตถุจากส่วนที่ 2 (เช่น ‘นี่คืออะไร?’, ‘คุณมี … ไหม?’)
    • เด็กควรฝึกอะไร? การฟังและตอบคำถามที่พูดออกมา

    ส่วนที่ 4

    • มีอะไรในส่วนที่ 4? ผู้ทดสอบจะถามเด็กเกี่ยวกับตัวเอง (เช่น อายุ, ครอบครัว, เพื่อน)
    • เด็กควรฝึกอะไร? การฟังและตอบคำถามที่พูดออกมา


    Pre A1 Starters ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Starters (YLE Starters)
    A1 Movers ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Movers (YLE Movers)
    A2 Flyers เดิมเรียกว่า Cambridge English: Flyers (YLE Flyers)
    Cambridge English: Young Learners (YLE) qualifications คุณสมบัติ Cambridge English: Young Learners (YLE)




    Cambridge English: Young Learners (YLE) qualifications คุณสมบัติ Cambridge English: Young Learners (YLE)

    Pre A1 Starters ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Starters (YLE Starters)
    A1 Movers ซึ่งเดิมเรียกว่า Cambridge English: Movers (YLE Movers)
    A2 Flyers เดิมเรียกว่า Cambridge English: Flyers (YLE Flyers)
    Cambridge English: Young Learners (YLE) qualifications คุณสมบัติ Cambridge English: Young Learners (YLE)

     

    ก้าวแรกของเด็กในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

    วุฒิบัตร Cambridge English สำหรับเด็กเล็กช่วยให้เด็ก ๆ ทั่วโลกเริ่มต้นก้าวแรกของการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจ

    โดยอิงจากงานวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับพัฒนาการด้านภาษาของเด็ก การสอบเหล่านี้ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับช่วงเริ่มต้นของการเรียนภาษา ทำให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุก กระตุ้นแรงจูงใจ และช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับเด็ก


    การสอบช่วยส่งเสริมและกระตุ้นเด็กเล็กอย่างไร?

    การสอบสำหรับเด็กเล็กเป็นการวางรากฐานเพื่อความสำเร็จในอนาคตด้านภาษาอังกฤษ

    • ทำให้การเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุก: การเตรียมสอบและการสอบจริงช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะผ่านกิจกรรมที่เพลิดเพลิน เช่น ระบายสี หาความแตกต่าง และจับคู่ภาพ
    • พัฒนาทักษะการสื่อสารสำคัญ: การเตรียมสอบเน้นไปที่ 4 ทักษะหลัก ได้แก่ การอ่าน การเขียน การฟัง และการพูด ซึ่งเป็นรากฐานของการใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าแก่เด็กและผู้ปกครอง: ผลสอบจะแสดงจุดแข็งและจุดที่ควรพัฒนา ทำให้ทั้งเด็กและผู้ปกครองเข้าใจว่าเรียนรู้ไปได้ไกลแค่ไหนและควรทำอะไรต่อ
    • มีเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นขั้นตอน: ระดับของการสอบเชื่อมโยงกับมาตรฐานสากล CEFR เพื่อแสดงทักษะของผู้สอบอย่างชัดเจน พร้อมกับเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม
    • เฉลิมฉลองความสามารถของเด็กแต่ละคน: เด็กทุกคนจะได้รับประกาศนียบัตรเพื่อเป็นการรับรองความสำเร็จในแต่ละระดับ
    • เสริมสร้างความมั่นใจสำหรับการสอบในอนาคต: เมื่อได้เริ่มสอบตั้งแต่เล็ก เด็กจะรู้สึกคุ้นเคยกับกระบวนการสอบและไม่กลัวการสอบในระดับที่สูงขึ้นในอนาคต

    Tuesday, May 27, 2025

    ครูมิเชล

    Michelle📝คณิตศาสตร์ระดับประถม⚡️IGCSE✏️SAT🏑บทเรียนที่ออกแบบเฉพาะบุคคล🤼‍♂ คณิตศาสตร์ระดับประถม | IGCSE | SAT 829 คาบเรียนคณิตศาสตร์ที่สอนสำเร็จ

    ติดตาม แนะนำตัว

    ภาษาที่พูดได้ อังกฤษ – C2 (ระดับเชี่ยวชาญ) จีน – เจ้าของภาษา

    🔮ประวัติการศึกษา 🎓 สำเร็จการศึกษาจากห้องเรียนคณิตศาสตร์สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ โรงเรียนไทเปเกิร์ลไฮสคูล 🎓 สำเร็จการศึกษาจากภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยฮ่องกง 🎓 เป็นติวเตอร์มืออาชีพในโรงเรียนกวดวิชาเป็นเวลา 2 ปี พานักเรียน 3 คนที่เคยเกลียดคณิตศาสตร์มารักคณิตศาสตร์ และทำให้คณิตศาสตร์กลายเป็นวิชาที่ทำคะแนนได้ดีที่สุด!

    เนื้อหาที่สอน: การสอบคณิตศาสตร์ระดับมัธยมปลาย / คณิตศาสตร์ SAT การแก้โจทย์ปัญหา


    🎯 จุดเน้นของการเรียนการสอน

    • เข้าใจโครงสร้างการเรียนรู้: เข้าใจแต่ละบทอย่างถ่องแท้และสามารถเชื่อมโยงเนื้อหาได้
    • กระบวนการเรียนรู้แบบโต้ตอบ: แนะนำผ่านการตั้งคำถามและให้ผู้เรียนคิดวิธีการที่เหมาะสมกับตนเอง
    • พัฒนาวิธีการเรียนรู้และนิสัย: สร้างกลยุทธ์ พัฒนานิสัยการเรียนรู้ที่ดี และสามารถประยุกต์ใช้กับวิชาอื่นได้
    • ข้อสอบจำลองแบบข้ามบท: ฝึกการปรับตัวกับข้อสอบจริงล่วงหน้า ไม่จำกัดแค่แบบฝึกหัดตามบท

    🔮ลักษณะการสอน 🔴 เข้าใจความรู้สึกของนักเรียน: หาวิธีที่ง่ายที่สุดให้นักเรียนเข้าใจ และส่งเสริมให้นักเรียนสร้างวิธีของตนเอง 🔴 กระตุ้นความอยากเรียนรู้: สาธิตการคำนวณโจทย์ที่คล้ายกัน แล้วให้นักเรียนฝึกหัดด้วยตนเองเพื่อสร้างความสำเร็จในการเรียน 🔴 สอนตามความถนัดของนักเรียน: โต้ตอบกับนักเรียน ฝึกซ้อม ทบทวน และค้นหาจุดบอดระหว่างการแก้โจทย์


    🔮แนะนำคอร์สเรียน

    ⭕️ คอร์สเร่งรัดสำหรับระดับประถม 👉 ติดตามความก้าวหน้าในโรงเรียน และผลสอบกลางภาค/ปลายภาค 👉 มีการบ้านทุกสัปดาห์ และทบทวนข้อผิดพลาดในชั้นเรียน 👉 เสริมความจำด้วยเรื่องราวสนุก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเรียน

    ⭕️ คอร์สเตรียมความพร้อมระดับประถม 👉 ล้ำหน้าไปก่อน เข้าใจเนื้อหาอย่างมั่นคงและรวดเร็ว 👉 เน้นแนวคิดสำคัญ พร้อมฝึกแก้โจทย์ 👉 ทบทวนข้อสอบเข้าโรงเรียนเอกชน คุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ

    ⭕️ IGCSE คณิตศาสตร์ ✔️ แนะนำข้อสอบจำลองแบบข้ามบท: เตรียมความพร้อมกับข้อสอบล่วงหน้า ✔️ ทบทวนผ่านแบบฝึกหัด: เน้นแก้โจทย์ ทบทวนและค้นหาจุดที่ผิดพลาด พร้อมแนะนำข้อควรระวัง

    ⭕️ SAT คณิตศาสตร์ ✔️ ทบทวนหัวข้อ SAT ที่พบบ่อยทั้งหมด ✔️ เทคนิคสอบ SAT และจัดการเวลาในการทำข้อสอบ ✔️ วิเคราะห์ข้อผิดพลาดจากแบบจำลอง SAT เฉพาะบุคคล


    🔮แบ่งปันประสบการณ์จาก Michelle ✅ การวางแผนเวลาการเรียน: จัดสรรเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ การสมัครเรียนต่างประเทศ สัมภาษณ์เพื่อสอน ฯลฯ ✅ วิธีอ่านหนังสือและทัศนคติ: อ่านอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเครียด ✅ แชร์ประสบการณ์เรียน: แบ่งปันประสบการณ์จากโรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัยฮ่องกง ✅ การสัมภาษณ์จำลอง: ฝึกสัมภาษณ์โรงเรียน/มหาวิทยาลัย เตรียมตอบคำถามให้พร้อม


    🔮กฎการเรียน

    📌 กรุณาติดต่อครูก่อนซื้อคอร์สทดลองหรือคอร์สเรียนจริง เพื่อยืนยันความต้องการและระดับของผู้เรียน

    📌 หากมาสายโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ครูจะรอในห้องเรียน 10 นาที และส่งข้อความเตือน

    📌 การขาดเรียนโดยไม่แจ้งล่วงหน้า: ครั้งแรกจะให้สิทธิ์เลือกเวลาเรียนใหม่ได้ ครั้งที่สองหากไม่มีเหตุผลพิเศษ จะถูกคิดค่าเรียน และไม่สามารถเรียนชดเชยได้

    📌 หากต้องการขอลาหยุด กรุณาแจ้งครูล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และยกเลิกการจองให้เรียบร้อย

    Cambridge English CPE (ชื่อใหม่: C2 Proficiency)

    Cambridge English คืออะไร? รู้จักประเภทข้อสอบ, ระบบระดับชั้น, และการเปรียบเทียบคะแนนในครั้งเดียว
    Cambridge English KET (ชื่อใหม่: A2 Key) สอบจำลอง
    Cambridge English PET (ชื่อใหม่: B1 Preliminary)
    Cambridge English FCE (ชื่อใหม่: B2 First for Schools)
    Cambridge English CAE (ชื่อใหม่: C1 Advanced)
    Cambridge English CPE (ชื่อใหม่: C2 Proficiency)


    C2 Proficiency ซึ่งเดิมรู้จักกันในชื่อ Cambridge English: Proficiency (CPE) เป็นหนึ่งในคุณวุฒิภาษาอังกฤษของ Cambridge English ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของเรา – เป็นหลักฐานแสดงว่าคุณมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในระดับสูงอย่างแท้จริง

    หากต้องการให้แปลข้อมูลอื่นเกี่ยวกับ C2 Proficiency เพิ่มเติม เช่น โครงสร้างข้อสอบ หรือวิธีการเตรียมตัว แจ้งได้นะครับ!

     คุณวุฒิ C2 Proficiency แสดงให้โลกเห็นว่าคุณมีความเชี่ยวชาญในภาษาอังกฤษในระดับที่ยอดเยี่ยม

    เป็นหลักฐานว่าคุณสามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วและลึกซึ้งเทียบเท่าผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพสูง

    การเตรียมตัวและผ่านการสอบนี้ หมายความว่าคุณมีระดับภาษาอังกฤษที่เพียงพอสำหรับการเรียนหรือทำงานในสภาพแวดล้อมระดับสูง ทั้งในสายวิชาชีพหรือสายวิชาการ เช่น ในระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอก

    การสอบ C2 Proficiency ประกอบด้วย 4 พาร์ต ซึ่งออกแบบมาเพื่อตรวจสอบทักษะภาษาอังกฤษของคุณ คุณสามารถดูรายละเอียดของแต่ละพาร์ตได้ด้านล่างนี้

    รูปแบบการสอบที่แสดงด้านล่างนี้ เหมือนกันทั้งในรูปแบบดิจิทัลและแบบกระดาษ








    รูปแบบข้อสอบ C2 Proficiency

    พาร์ต เนื้อหา วัตถุประสงค์
    การอ่านและการใช้ภาษาอังกฤษ
    (1 ชั่วโมง 30 นาที)
    [ดูตัวอย่างข้อสอบ]
    7 ส่วน / 53 คำถาม แสดงให้เห็นว่าคุณสามารถจัดการกับข้อความประเภทต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ เช่น หนังสือนิยายและสารคดี วารสาร หนังสือพิมพ์ และคู่มือ
    การเขียน
    (1 ชั่วโมง 30 นาที)
    [ดูตัวอย่างข้อสอบ]
    2 ส่วน คุณต้องสามารถเขียนข้อความได้หลากหลายรูปแบบ เช่น เรียงความ รายงาน และบทวิจารณ์
    การฟัง
    (ประมาณ 40 นาที)
    [ดูตัวอย่างข้อสอบ]
    4 ส่วน / 30 คำถาม ต้องสามารถติดตามและเข้าใจเนื้อหาที่ได้ยินในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การบรรยาย คำปราศรัย และการสัมภาษณ์
    การพูด
    (16 นาทีต่อผู้เข้าสอบ 2 คน; 24 นาทีต่อกลุ่ม 3 คน)
    [ดูตัวอย่างข้อสอบ]
    3 ส่วน แสดงให้เห็นว่าคุณสามารถมีส่วนร่วมในการสนทนาได้โดยการตอบและตั้งคำถามง่าย ๆ การสอบพูดของคุณจะดำเนินการแบบเผชิญหน้ากับผู้เข้าสอบคนอื่นหนึ่งหรือสองคน และกรรมการสองคน โดยกรรมการหนึ่งคน (อาจอยู่ทางไกลผ่านออนไลน์) จะสนทนากับคุณ อีกคนจะฟังและให้คะแนน ซึ่งช่วยให้การสอบมีความสมจริงและน่าเชื่อถือมากขึ้น กรรมการอาจใช้โทรศัพท์มือถือในการบันทึกคะแนนผ่านแอปพลิเคชัน

    Reading and Use of English paper สำหรับ C2 Proficiency:


    ภาพรวม:

    • เวลาที่กำหนด: 1 ชั่วโมง 30 นาที
    • จำนวนส่วน: 7 ส่วน
    • จำนวนคำถาม: 53 ข้อ
    • ความยาวของข้อความ: ประมาณ 3,000 คำทั้งหมด
    • แหล่งข้อความ: หนังสือ (นิยายและสารคดี), หนังสือพิมพ์, นิตยสาร และบทความออนไลน์

    ส่วนที่ 1: Multiple-choice cloze (เติมคำในช่องว่างแบบตัวเลือก)

    • งานที่ต้องทำ: เติมคำหรือวลีในช่องว่าง 8 ช่อง โดยเลือกคำตอบที่ถูกต้องจากตัวเลือก 4 ตัว
    • ทักษะที่ต้องฝึก: สำนวน, การจับคู่คำ, วลีที่ตายตัว, การเติมคำเสริม, คำกริยาวลี, ความหมายที่แม่นยำ
    • จำนวนคำถาม: 8 ข้อ
    • คะแนน: 1 คะแนนต่อข้อที่ถูกต้อง

    ส่วนที่ 2: Open cloze (เติมคำในช่องว่างโดยไม่มีตัวเลือก)

    • งานที่ต้องทำ: เติมคำที่เหมาะสมที่สุดในช่องว่าง 8 ช่องในข้อความ
    • ทักษะที่ต้องฝึก: การใช้ไวยากรณ์และคำศัพท์อย่างถูกต้อง
    • จำนวนคำถาม: 8 ข้อ
    • คะแนน: 1 คะแนนต่อข้อที่ถูกต้อง

    ส่วนที่ 3: Word formation (การสร้างคำ)

    • งานที่ต้องทำ: เติมคำในช่องว่าง 8 ช่อง โดยใช้รูปแบบที่ถูกต้องของคำให้มา
    • ทักษะที่ต้องฝึก: คำศัพท์ โดยเฉพาะการเติมคำต่อท้ายหรือเติมคำหน้า การเปลี่ยนแปลงรูปคำ และการผสมคำ
    • จำนวนคำถาม: 8 ข้อ
    • คะแนน: 1 คะแนนต่อข้อที่ถูกต้อง

    ส่วนที่ 4: Key word transformations (เปลี่ยนประโยคโดยใช้คำสำคัญ)

    • งานที่ต้องทำ: เติมประโยค 6 ประโยค (3–8 คำ) โดยใช้คำสำคัญที่กำหนด ให้มีความหมายเหมือนกับประโยคต้นฉบับ
    • ทักษะที่ต้องฝึก: ไวยากรณ์, คำศัพท์ และการจับคู่คำ
    • จำนวนคำถาม: 6 ข้อ
    • คะแนน: สูงสุด 2 คะแนนต่อข้อที่ถูกต้อง

    ส่วนที่ 5: Multiple choice (แบบเลือกตอบ)

    • งานที่ต้องทำ: อ่านข้อความยาวและตอบคำถามแบบเลือกตอบ 6 ข้อ (A, B, C หรือ D)
    • ทักษะที่ต้องฝึก: การเข้าใจรายละเอียด ความคิดเห็น ทัศนคติ น้ำเสียง จุดประสงค์ ความคิดหลัก ความหมายแฝง และการจัดโครงสร้างข้อความ
    • จำนวนคำถาม: 6 ข้อ
    • คะแนน: 2 คะแนนต่อข้อที่ถูกต้อง

    ส่วนที่ 6: Gapped text (ข้อความมีช่องว่างให้เติมย่อหน้า)

    • งานที่ต้องทำ: ข้อความที่ถูกตัดย่อหน้าออกไป และย่อหน้าเหล่านั้นจัดเรียงผิด ผู้เข้าสอบต้องเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมในการใส่ย่อหน้าเหล่านั้นกลับ
    • ทักษะที่ต้องฝึก: ความเข้าใจเรื่องการเชื่อมโยงความคิด ความสอดคล้อง โครงสร้างข้อความ และความหมายโดยรวม
    • จำนวนคำถาม: 7 ข้อ
    • คะแนน: 2 คะแนนต่อข้อที่ถูกต้อง

    ส่วนที่ 7: Multiple matching (จับคู่หลายตัวเลือก)

    • งานที่ต้องทำ: อ่านข้อความหรือข้อความสั้นหลายชิ้น พร้อมคำถามแบบจับคู่ตัวเลือกที่ต้องจับคู่คำใบ้กับข้อความ
    • ทักษะที่ต้องฝึก: ความเข้าใจรายละเอียด ความคิดเห็น ทัศนคติ และข้อมูลเฉพาะเจาะจง
    • จำนวนคำถาม: 10 ข้อ
    • คะแนน: 1 คะแนนต่อข้อที่ถูกต้อง


    ข้อสอบส่วนเขียน (Writing paper) มีอะไรบ้าง?

    ในสองส่วนของข้อสอบเขียน C2 Proficiency คุณต้องแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถเขียนข้อความประเภทต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษได้


    ภาพรวม

    • เวลาที่กำหนด: 1 ชั่วโมง 30 นาที
    • จำนวนส่วน: 2 ส่วน
    • จำนวนคำถาม:

      • ส่วนที่ 1: คำถามบังคับ 1 ข้อ
      • ส่วนที่ 2: เลือกตอบ 1 ข้อ จาก 4 ตัวเลือก

    การยกเลิกคำถามเกี่ยวกับหนังสือกำหนด (Set texts) ในข้อสอบเขียน C2 Proficiency

    ตั้งแต่เดือนมกราคม 2024 เป็นต้นไป จะไม่มีคำถามตัวเลือกเกี่ยวกับหนังสือกำหนดในข้อสอบเขียน C2 Proficiency แล้ว เหตุผลคือมีผู้เข้าสอบเลือกตอบคำถามเหล่านี้น้อย และมักทำได้ไม่เต็มศักยภาพ


    หนังสือกำหนดในช่วงมกราคม 2022 – ธันวาคม 2023

    • Jane Austen: Northanger Abbey (ฉบับใดก็ได้)

      • ครูผู้สอนอาจเตรียมตัวผู้เข้าสอบโดยใช้ภาพยนตร์ที่กำกับโดย Jon Jones (2007) แทนหรือควบคู่กับนิยาย
    • David Nicholls: Us (ฉบับใดก็ได้)

      • ครูผู้สอนอาจเตรียมตัวผู้เข้าสอบโดยใช้มินิซีรีส์โทรทัศน์ของ BBC ที่กำกับโดย Geoffrey Sax (2020) แทนหรือควบคู่กับนิยาย

    ผู้เข้าสอบไม่ควรเลือกตอบคำถามตัวเลือกเกี่ยวกับหนังสือกำหนดในส่วนที่ 2 เว้นแต่จะมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเนื้อหานั้น

    ครูผู้สอนเป็นผู้เหมาะสมที่สุดที่จะตัดสินใจว่า หนังสือกำหนดและ/หรือเวอร์ชันภาพยนตร์/โทรทัศน์ใด เหมาะสมและกระตุ้นความสนใจสำหรับสถานการณ์การเรียนการสอนนั้น ๆ


    ส่วนที่ 1

    • เนื้อหาในส่วนที่ 1: มีข้อความให้อ่าน 2 ข้อความ ข้อความละประมาณ 100 คำ
    • คุณต้องใช้ข้อมูลจากข้อความเหล่านี้เขียนเรียงความ
    • ทักษะที่ต้องฝึก: การเขียนเรียงความวิจารณ์ที่สรุปและประเมินประเด็นสำคัญในข้อความทั้งสอง โดยผสมผสานการสรุปข้อคิดเห็น การประเมินข้อถกเถียง และความคิดของคุณเองให้เป็นเรียงความที่สอดคล้องกัน
    • จำนวนคำถาม: 1 ข้อ (บังคับตอบ)
    • ความยาวข้อความ: 240–280 คำ

    ส่วนที่ 2

    • เนื้อหาในส่วนที่ 2: มีตัวเลือกคำถาม 4 ข้อ (ข้อ 2–5)
    • สำหรับคำถาม 2–4 คุณอาจต้องเขียนบทความ จดหมาย รายงาน หรือรีวิว
    • คำถามที่ 5: หากคุณอ่านหนังสือกำหนดและต้องการเขียนเกี่ยวกับหนังสือ คุณอาจเลือกตอบคำถาม 5 ที่มี 2 ตัวเลือก คือ 5(a) หรือ 5(b) ซึ่งอาจต้องเขียนบทความ เรียงความ จดหมาย รายงาน หรือรีวิว
    • ทักษะที่ต้องฝึก: การเขียนข้อความประเภทต่าง ๆ ตามบริบทที่กำหนด
    • จำนวนคำถาม: เลือกตอบ 1 ข้อ จาก 4 ตัวเลือก
    • ความยาวข้อความ: 280–320 คำ


    ข้อสอบฟัง (Listening paper) มีอะไรบ้าง?

    ข้อสอบฟัง C2 Proficiency ประกอบด้วย 4 ส่วน สำหรับแต่ละส่วน คุณต้องฟังข้อความบันทึกเสียง และตอบคำถามต่าง ๆ โดยคุณจะได้ฟังแต่ละบันทึกเสียงสองครั้ง


    สรุป

    • เวลาที่กำหนด: ประมาณ 40 นาที
    • จำนวนส่วน: 4 ส่วน
    • จำนวนคำถาม: 30 ข้อ

    ส่วนที่ 1 (Multiple choice)

    • เนื้อหา: บันทึกเสียงสั้น 3 ชุด ไม่เกี่ยวข้องกัน ชุดละประมาณ 1 นาที
    • คุณต้องฟังและตอบคำถามแบบปรนัย 2 ข้อต่อบันทึกเสียงแต่ละชุด โดยแต่ละข้อมีตัวเลือก 3 ตัว (A, B หรือ C)
    • ทักษะที่ต้องฝึก: ฟังจับใจความหลัก รายละเอียด ฟังก์ชัน จุดประสงค์ หัวข้อ ผู้พูด ผู้ฟัง ความรู้สึก ทัศนคติ ความคิดเห็น ฯลฯ
    • จำนวนคำถาม: 6 ข้อ
    • คะแนน: 1 คะแนนต่อคำตอบที่ถูกต้อง

    ส่วนที่ 2 (Sentence completion)

    • เนื้อหา: บันทึกเสียงพูดคนเดียว หรือการพูดที่มีการกระตุ้นความคิด ความยาว 3–4 นาที
    • คำถามเป็นประโยคที่ขาดหายไป โดยคุณต้องฟังและเติมคำที่เหมาะสม (1–3 คำ) ลงในช่องว่าง
    • ทักษะที่ต้องฝึก: ฟังเพื่อหาข้อมูลเฉพาะ ความคิดเห็นที่ระบุไว้
    • จำนวนคำถาม: 9 ข้อ
    • คะแนน: 1 คะแนนต่อคำตอบที่ถูกต้อง

    ส่วนที่ 3 (Multiple choice)

    • เนื้อหา: บันทึกเสียงมีผู้พูดหลายคนโต้ตอบกัน ความยาว 3–4 นาที
    • คุณต้องฟังและตอบคำถามแบบปรนัย โดยแต่ละคำถามมีตัวเลือก 4 ตัว (A, B, C หรือ D)
    • ทักษะที่ต้องฝึก: ฟังความคิดเห็น จับใจความ รายละเอียด การอนุมาน
    • จำนวนคำถาม: 5 ข้อ
    • คะแนน: 1 คะแนนต่อคำตอบที่ถูกต้อง

    ส่วนที่ 4 (Multiple matching)

    • เนื้อหา: บันทึกเสียงพูดคนเดียวที่มีหัวข้อเฉพาะ จำนวน 5 ชุด ชุดละประมาณ 35 วินาที
    • มีสองงานจับคู่แบบปรนัย แต่ละงานต้องเลือกคำตอบที่ถูกต้อง 5 ตัวจากตัวเลือก 8 ตัว
    • ทักษะที่ต้องฝึก: ฟังจับใจความ ทัศนคติ ประเด็นสำคัญ การตีความบริบท
    • จำนวนคำถาม: 10 ข้อ
    • คะแนน: 1 คะแนนต่อคำตอบที่ถูกต้อง

    ข้อสอบพูด (Speaking paper) มีอะไรบ้าง?

    ข้อสอบพูด C2 Proficiency ประกอบด้วย 3 ส่วน และคุณจะสอบพร้อมกับผู้เข้าสอบอีกคนหนึ่ง มีผู้ตรวจสอบ 2 คน

    • ผู้ตรวจสอบคนแรก (ผู้สอบถาม) จะเป็นผู้ดำเนินการสอบ (ถามคำถาม, แจกกระดาษพูด ฯลฯ)
    • ผู้ตรวจสอบคนที่สอง (ผู้ประเมิน) จะฟังและจดบันทึกสิ่งที่คุณพูด

    สรุป

    • เวลาที่กำหนด: 16 นาที ต่อคู่ผู้เข้าสอบ
    • จำนวนส่วน: 3
    • คุณต้องพูด: กับผู้ตรวจสอบ กับผู้เข้าสอบอีกคน พูดคนเดียว

    ส่วนที่ 1 (Interview)

    • เนื้อหา: การสนทนาระหว่างผู้สอบถามและผู้เข้าสอบแต่ละคน ผู้สอบถามจะถามคำถามเป็นชุด ๆ สลับถามทีละคน เพื่อให้คุณได้พูดเกี่ยวกับตัวเอง
    • สิ่งที่ต้องฝึก: การให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเอง การแสดงความคิดเห็น หรือการตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับหัวข้อต่าง ๆ
    • ระยะเวลาส่วนที่ 1: 2 นาที

    ส่วนที่ 2 (Collaborative task)

    • เนื้อหา: ผู้สอบถามจะให้คำแนะนำด้วยวาจาและภาพหนึ่งภาพหรือมากกว่าให้คุณดู
    • ตอนแรกคุณต้องตอบคำถามที่เกี่ยวกับปฏิกิริยาของคุณต่อภาพหนึ่งหรือหลายภาพ (1 นาที)
    • จากนั้นเป็นงานตัดสินใจที่ต้องทำร่วมกับผู้เข้าสอบอีกคนหนึ่ง
    • สิ่งที่ต้องฝึก: การรักษาการสื่อสาร: แลกเปลี่ยนความคิดเห็น, แสดงและให้เหตุผลสนับสนุน, เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย, เสนอแนะ, ตั้งสมมติฐาน, ประเมินผล, และร่วมกันตัดสินใจผ่านการเจรจา
    • ระยะเวลาส่วนที่ 2: 4 นาที

    ส่วนที่ 3 (Long turn and discussion)

    • เนื้อหา: ผู้สอบถามจะให้บัตรคำถามพร้อมไอเดียบางอย่าง คุณต้องพูดเป็นเวลาประมาณ 2 นาที โดยพูดคนเดียว
    • หลังจากนั้น คู่สนทนาของคุณจะต้องแสดงความคิดเห็น และผู้สอบถามจะถามคำถามเกี่ยวกับหัวข้อเดียวกันแก่ทั้งสองคน
    • ผู้สอบถามจะทำตามขั้นตอนเดียวกันกับคู่สนทนาของคุณ แล้วนำไปสู่การอภิปรายร่วมกัน
    • สิ่งที่ต้องฝึก: การพูดคนเดียวเป็นเวลานานขึ้น, การแสดงและให้เหตุผลสนับสนุนความคิดเห็น, การขยายความหัวข้อ
    • ระยะเวลาส่วนที่ 3: 10 นาที (พูดคนละ 2 นาที จากนั้นอภิปรายประมาณ 6 นาที)

    Cambridge English คืออะไร? รู้จักประเภทข้อสอบ, ระบบระดับชั้น, และการเปรียบเทียบคะแนนในครั้งเดียว
    Cambridge English KET (ชื่อใหม่: A2 Key) สอบจำลอง
    Cambridge English PET (ชื่อใหม่: B1 Preliminary)
    Cambridge English FCE (ชื่อใหม่: B2 First for Schools)
    Cambridge English CAE (ชื่อใหม่: C1 Advanced)
    Cambridge English CPE (ชื่อใหม่: C2 Proficiency)

    Cambridge English CAE (ชื่อใหม่: C1 Advanced)

    Cambridge English คืออะไร? รู้จักประเภทข้อสอบ, ระบบระดับชั้น, และการเปรียบเทียบคะแนนในครั้งเดียว
    Cambridge English KET (ชื่อใหม่: A2 Key) สอบจำลอง
    Cambridge English PET (ชื่อใหม่: B1 Preliminary)
    Cambridge English FCE (ชื่อใหม่: B2 First for Schools)
    Cambridge English CAE (ชื่อใหม่: C1 Advanced)
    Cambridge English CPE (ชื่อใหม่: C2 Proficiency)


     C1 Advanced หรือที่เคยรู้จักในชื่อ Cambridge English: Advanced (CAE) เป็นหนึ่งในวุฒิการศึกษาภาษาอังกฤษของเคมบริดจ์ ซึ่งเป็นวุฒิระดับสูงที่เจาะลึก แสดงให้เห็นว่าคุณมีทักษะภาษาอังกฤษในระดับที่นายจ้างและมหาวิทยาลัยต้องการ


    มากกว่า 9,000 สถาบันการศึกษา ธุรกิจ และหน่วยงานราชการทั่วโลก ยอมรับ C1 Advanced เป็นหลักฐานของความสำเร็จระดับสูงในการเรียนภาษาอังกฤษ

    การเตรียมตัวสำหรับ C1 Advanced ช่วยพัฒนาทักษะให้ผู้เรียนใช้ประโยชน์สูงสุดจากการเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิตในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ

    การสอบนี้เป็นก้าวที่เหมาะสมในเส้นทางการเรียนรู้ภาษาของคุณ ระหว่างระดับ B2 First และ C2 Proficiency


    คุณสมบัติของวุฒิ C1 Advanced แสดงให้เห็นว่าคุณสามารถ:

    • เรียนหลักสูตรระดับมหาวิทยาลัยได้อย่างเข้าใจ

    • สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพในระดับผู้จัดการและมืออาชีพ

    • มีความมั่นใจในการเข้าร่วมประชุมที่ทำงานหรือการสอนเสริมในวิชาการ

    • แสดงความคิดด้วยความคล่องแคล่วในระดับสูง

    เหตุผลที่ควรเลือก C1 Advanced:

    • มีวันสอบที่ยืดหยุ่น พร้อมศูนย์สอบกว่า 2,800 แห่งทั่วโลก

    • ได้รับการยอมรับจากสถาบันการศึกษา ธุรกิจ และหน่วยงานราชการกว่า 9,000 แห่ง

    • เปิดประตูสู่โอกาสเดินทาง ทำงาน และศึกษาต่อต่างประเทศ

    C1 Advanced เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษในทุกด้านอย่างครบถ้วน

    ข้อสอบประกอบด้วย 4 ส่วน ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อทดสอบทักษะภาษาอังกฤษของคุณ คุณสามารถดูรายละเอียดของแต่ละส่วนได้ด้านล่าง

    รูปแบบข้อสอบเหล่านี้เหมือนกันทั้งสำหรับการสอบแบบดิจิทัลและการสอบแบบกระดาษ



    พาร์ตข้อสอบ เนื้อหา วัตถุประสงค์
    Reading and Use of English
    (1 ชั่วโมง 30 นาที)
    ดูตัวอย่างข้อสอบ 8 ส่วน / 56 คำถาม แสดงให้เห็นว่าคุณสามารถอ่านและเข้าใจข้อความประเภทต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ เช่น เรื่องแต่ง หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร พร้อมทั้งทดสอบการใช้ภาษาอังกฤษของคุณผ่านแบบฝึกหัดที่หลากหลาย ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการควบคุมไวยากรณ์และคำศัพท์
    Writing
    (1 ชั่วโมง 30 นาที)
    ดูตัวอย่างข้อสอบ 2 ส่วน คุณจะต้องเขียนงานเขียน 2 ชิ้นที่แตกต่างกัน เช่น เรียงความ จดหมาย/อีเมล ข้อเสนอ รายงาน และบทวิจารณ์
    Listening
    (ประมาณ 40 นาที)
    ดูตัวอย่างข้อสอบ 4 ส่วน / 30 คำถาม ทดสอบความสามารถในการติดตามและเข้าใจเนื้อหาที่พูดในรูปแบบต่างๆ เช่น การสัมภาษณ์ รายการวิทยุ การนำเสนอ การพูด และบทสนทนาในชีวิตประจำวัน
    Speaking
    (15 นาทีต่อคู่ผู้สอบ; 23 นาทีต่อกลุ่ม 3 คน)
    ดูตัวอย่างข้อสอบ 4 ส่วน แสดงให้เห็นว่าคุณสามารถเข้าร่วมการสนทนาโดยการตอบและตั้งคำถามง่ายๆ การสอบพูดจะดำเนินการแบบพบหน้า โดยทั่วไปจะมีผู้เข้าสอบ 1 หรือ 2 คน และผู้สอบ 2 คน ผู้สอบคนหนึ่ง (อาจเป็นผู้สอบออนไลน์) จะพูดคุยกับคุณ ในขณะที่อีกคนจะรับฟัง เพื่อให้การสอบสมจริงและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ผู้สอบอาจใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อบันทึกคะแนนผ่านแอปพลิเคชัน




    นี่คือคำแปลภาษาไทยของเนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวกับข้อสอบ Reading and Use of English ของ C1 Advanced:


    ข้อสอบ Reading and Use of English มีอะไรบ้าง?

    ข้อสอบ Reading and Use of English ของ C1 Advanced แบ่งออกเป็น 8 พาร์ต โดยมีรูปแบบของข้อความและคำถามที่หลากหลาย

    สรุป

    • เวลาที่ใช้: 1 ชั่วโมง 30 นาที
    • จำนวนพาร์ต: 8
    • จำนวนคำถาม: 56
    • ความยาวของข้อความรวม: 3,000–3,500 คำ
    • แหล่งที่มาของข้อความ: หนังสือพิมพ์และนิตยสาร, วารสาร, หนังสือ (ทั้งนิยายและสารคดี), เอกสารประชาสัมพันธ์และข้อมูล

    Part 1 (เติมคำแบบมีตัวเลือก)

    • เนื้อหา: ข้อความที่มีช่องว่างพร้อมตัวเลือก 4 ตัวเลือก (A, B, C หรือ D) สำหรับแต่ละช่องว่าง
    • ฝึกทักษะ: คำศัพท์ – สำนวน, การจับคู่คำ, ความหมายใกล้เคียง, วลีคำกริยา (phrasal verbs), วลีคงที่ ฯลฯ
    • จำนวนคำถาม: 8
    • คะแนน: คำตอบถูกได้ 1 คะแนน

    Part 2 (เติมคำแบบไม่มีตัวเลือก)

    • เนื้อหา: ข้อความที่มีช่องว่าง โดยต้องเติมคำที่หายไปอย่างถูกต้องโดยไม่มีตัวเลือกให้
    • ฝึกทักษะ: ไวยากรณ์และคำศัพท์
    • จำนวนคำถาม: 8
    • คะแนน: คำตอบถูกได้ 1 คะแนน

    Part 3 (แปลงคำศัพท์)

    • เนื้อหา: ข้อความที่มีช่องว่าง 8 ช่อง โดยแต่ละข้อจะมีคำตั้งต้นให้ ซึ่งต้องแปลงรูปคำนั้นให้ถูกต้องเพื่อเติมประโยค
    • ฝึกทักษะ: คำศัพท์
    • จำนวนคำถาม: 8
    • คะแนน: คำตอบถูกได้ 1 คะแนน

    Part 4 (แปลงประโยคโดยใช้คำกำหนด)

    • เนื้อหา: แต่ละข้อมีประโยคหนึ่ง ตามด้วย “คำสำคัญ” และอีกประโยคที่เว้นว่างไว้ ต้องใช้คำนั้นเติมในช่องว่าง (ใช้ 3–6 คำ) เพื่อให้ประโยคมีความหมายเหมือนกับประโยคแรก
    • ฝึกทักษะ: ไวยากรณ์, คำศัพท์ และการจับคู่คำ
    • จำนวนคำถาม: 6
    • คะแนน: คำตอบถูกได้สูงสุด 2 คะแนน

    Part 5 (อ่านและเลือกคำตอบที่ถูกต้อง)

    • เนื้อหา: ข้อความพร้อมคำถามแบบปรนัย (multiple choice) โดยแต่ละคำถามมี 4 ตัวเลือก (A, B, C หรือ D)
    • ฝึกทักษะ: การอ่านเพื่อจับรายละเอียด, ความคิดเห็น, น้ำเสียง, จุดประสงค์, แนวคิดหลัก, ความหมายโดยนัย, ทัศนคติ
    • จำนวนคำถาม: 6
    • คะแนน: คำตอบถูกได้ 2 คะแนน

    Part 6 (จับคู่ข้ามข้อความ)

    • เนื้อหา: ข้อความสั้น 4 ข้อความ พร้อมคำถามที่ต้องจับคู่ข้อความกับคำถามที่กำหนด โดยต้องอ่านและเปรียบเทียบทุกข้อความ
    • ฝึกทักษะ: การเข้าใจและเปรียบเทียบความคิดเห็นหรือทัศนคติจากหลายข้อความ
    • จำนวนคำถาม: 4
    • คะแนน: คำตอบถูกได้ 2 คะแนน

    Part 7 (เรียงย่อหน้า)

    • เนื้อหา: หน้าข้อความที่มีช่องว่างแทนย่อหน้าที่หายไป พร้อมย่อหน้าให้เลือก ซึ่งไม่ได้จัดเรียงลำดับไว้ ต้องเลือกว่าย่อหน้าใดเหมาะสมกับแต่ละช่องว่าง
    • ฝึกทักษะ: ความเข้าใจโครงสร้างและลำดับการพัฒนาความคิดในข้อความ
    • จำนวนคำถาม: 6
    • คะแนน: คำตอบถูกได้ 2 คะแนน

    Part 8 (จับคู่หลายรายการ)

    • เนื้อหา: คำถามแบบจับคู่หลายรายการ พร้อมข้อความ (อาจเป็นข้อความเดียวหรือหลายข้อความสั้น) โดยต้องจับคู่คำถามกับส่วนต่าง ๆ ของข้อความ
    • ฝึกทักษะ: การอ่านเพื่อหาข้อมูลเฉพาะ รายละเอียด ความคิดเห็น และทัศนคติ
    • จำนวนคำถาม: 10
    • คะแนน: คำตอบถูกได้ 1 คะแนน

    ข้อสอบ Writing มีอะไรบ้าง?

    ในข้อสอบ Writing ของ C1 Advanced ซึ่งแบ่งเป็น 2 พาร์ต คุณต้องแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถเขียนข้อความในรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพในภาษาอังกฤษ

    สรุป

    • เวลาที่ใช้: 1 ชั่วโมง 30 นาที
    • จำนวนพาร์ต: 2
    • จำนวนคำถาม:

      • พาร์ต 1: คำถามบังคับ 1 ข้อ
      • พาร์ต 2: เลือกทำ 1 ข้อจาก 3 ตัวเลือก
    • ประเภทงานเขียน: บทความ, จดหมาย/อีเมล, ข้อเสนอแนะ (proposal), รายงาน (report), รีวิว (review)

    Part 1 (คำถามบังคับ)

    • เนื้อหา: คุณจะได้อ่านข้อความหนึ่ง แล้วเขียนเรียงความ (essay) โดยอิงจากประเด็นที่มีอยู่ในข้อความนั้น โดยคุณจะถูกถามให้แสดงความเห็นว่าในสองประเด็นใดสำคัญกว่ากัน พร้อมให้เหตุผลสนับสนุน
    • ฝึกทักษะ: การพัฒนาแนวคิดอย่างเต็มที่เพื่อแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของโครงสร้างทางภาษา คำศัพท์ และหน้าที่ของภาษา เช่น การประเมินผล การแสดงความคิดเห็น การตั้งสมมติฐาน การให้เหตุผล และการโน้มน้าว
    • จำนวนคำถาม: 1 ข้อ (บังคับทำ)
    • จำนวนคำที่ต้องเขียน: 220–260 คำ

    Part 2 (งานเขียนตามสถานการณ์)

    • เนื้อหา: คุณต้องเลือกเขียนงาน 1 ชิ้นจากตัวเลือก 3 ข้อ ซึ่งอาจเป็นจดหมาย/อีเมล, ข้อเสนอแนะ (proposal), รายงาน (report) หรือบทวิจารณ์ (review) โดยคุณจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับบริบท หัวข้อ จุดประสงค์ และผู้อ่านเป้าหมายเพื่อใช้เป็นแนวทางในการเขียน
    • ฝึกทักษะ: การเขียนงานในรูปแบบต่าง ๆ ที่อาจปรากฏในข้อสอบ
    • จำนวนคำถาม: มีให้เลือก 3 ข้อ เลือกทำเพียง 1 ข้อ
    • จำนวนคำที่ต้องเขียน: 220–260 คำ

    ข้อสอบ Listening มีอะไรบ้าง?

    ข้อสอบ Listening ของ C1 Advanced แบ่งออกเป็น 4 พาร์ต ในแต่ละพาร์ตคุณต้องฟังข้อความที่บันทึกไว้ (อาจเป็นเสียงเดี่ยวหรือบทสนทนา) และตอบคำถาม โดยคุณจะได้ยินแต่ละบทสนทนา 2 ครั้ง

    สรุป

    • เวลาที่ใช้: ประมาณ 40 นาที
    • จำนวนพาร์ต: 4
    • จำนวนคำถาม: 30 ข้อ
    • แหล่งที่มาของเสียง:

      • เสียงพูดเดี่ยว: เช่น รายการวิทยุ สุนทรพจน์ การบรรยาย เรื่องเล่า ฯลฯ
      • เสียงจากผู้พูดหลายคน: เช่น รายการวิทยุ สัมภาษณ์ การอภิปราย การสนทนา ฯลฯ

    Part 1 (Multiple choice)

    • เนื้อหา: บทสนทนาสั้น 3 บท ระหว่างผู้พูดสองคน แต่ละบทมีคำถามแบบเลือกตอบ 2 ข้อ ให้เลือกคำตอบที่ถูกต้อง (A, B หรือ C)
    • ฝึกทักษะ: ฟังเพื่อจับความรู้สึก ทัศนคติ ความคิดเห็น จุดประสงค์ หน้าที่ ความเห็นพ้อง การกระทำ แนวคิดหลัก รายละเอียด ฯลฯ
    • จำนวนคำถาม: 6 ข้อ
    • คะแนน: ข้อละ 1 คะแนน

    Part 2 (Sentence completion)

    • เนื้อหา: เสียงพูดเดี่ยว ความยาวประมาณ 3 นาที คุณต้องเติมคำในประโยคให้สมบูรณ์ โดยใช้ข้อมูลจากสิ่งที่ได้ยิน
    • ฝึกทักษะ: ฟังเพื่อจับข้อมูลเฉพาะ ความคิดเห็นที่กล่าวไว้
    • จำนวนคำถาม: 8 ข้อ
    • คะแนน: ข้อละ 1 คะแนน

    Part 3 (Multiple choice)

    • เนื้อหา: บทสนทนา ระหว่างสองคนหรือมากกว่า ความยาวประมาณ 4 นาที พร้อมคำถามแบบเลือกตอบ ให้เลือกคำตอบจาก 4 ตัวเลือก (A, B, C หรือ D)
    • ฝึกทักษะ: ฟังเพื่อจับทัศนคติ ความคิดเห็น ความเห็นพ้อง แนวคิดหลัก ความรู้สึก จุดประสงค์ หน้าที่ และรายละเอียด
    • จำนวนคำถาม: 6 ข้อ
    • คะแนน: ข้อละ 1 คะแนน

    Part 4 (Multiple matching)

    • เนื้อหา: เสียงพูดเดี่ยวตามหัวข้อ จำนวน 5 คน คนละประมาณ 30 วินาที คุณจะได้รับคำถาม 2 ชุด โดยต้องจับคู่ว่าผู้พูดแต่ละคน (จาก 5 คน) สอดคล้องกับคำตอบใดจาก 8 ตัวเลือก
    • ฝึกทักษะ: ฟังเพื่อจับใจความหลัก ทัศนคติ ความคิดเห็น ประเด็นสำคัญ จุดประสงค์ของผู้พูด ความรู้สึก และการตีความจากบริบท
    • จำนวนคำถาม: 10 ข้อ
    • คะแนน: ข้อละ 1 คะแนน

    ข้อสอบ Speaking มีอะไรบ้าง?

    ข้อสอบ Speaking ของ C1 Advanced แบ่งออกเป็น 4 พาร์ต และคุณจะทำข้อสอบร่วมกับผู้เข้าสอบอีกคนหนึ่ง

    จะมีกรรมการ 2 คน:

    • คนหนึ่งจะเป็นผู้นำการสอบ (ถามคำถาม, แจกภาพสำหรับพูด, ฯลฯ)
    • อีกคนจะคอยฟังและจดบันทึกสิ่งที่คุณพูด

    สรุป

    • เวลาที่ใช้: 15 นาทีต่อผู้เข้าสอบ 2 คน
    • จำนวนพาร์ต: 4
    • รูปแบบการพูด:

      • พูดกับกรรมการ
      • พูดกับผู้เข้าสอบอีกคน
      • พูดคนเดียว

    Part 1 (สัมภาษณ์)

    • เนื้อหา: บทสนทนาระหว่างผู้เข้าสอบและผู้นำการสอบ กรรมการจะถามคำถาม และคุณอาจต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจ การเรียน หรืออาชีพของคุณ
    • ฝึกทักษะ: การพูดเกี่ยวกับตนเอง และการแสดงความคิดเห็นในหัวข้อต่าง ๆ
    • ระยะเวลา: 2 นาที

    Part 2 (การพูดยาว – Long turn)

    • เนื้อหา: กรรมการจะให้ภาพ 3 ภาพ และขอให้คุณพูดเกี่ยวกับ 2 ภาพ ภายในเวลา 1 นาที โดยไม่มีการขัดจังหวะ

      • จากนั้นผู้เข้าสอบอีกคนจะให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่คุณพูดเป็นเวลา 30 วินาที
      • หลังจากนั้น คุณจะทำในลักษณะเดียวกันกับอีกชุดภาพ
      • คำถามที่เกี่ยวกับภาพจะเขียนอยู่ด้านบนของกระดาษ เพื่อเตือนใจคุณว่าควรพูดเกี่ยวกับอะไร
    • ฝึกทักษะ: การพูดคนเดียวเกี่ยวกับบางสิ่ง เช่น การเปรียบเทียบ อธิบาย แสดงความคิดเห็น คาดเดา
    • ระยะเวลา: คนละ 1 นาที + ความเห็นตอบกลับ 30 วินาทีจากอีกฝ่าย

    Part 3 (งานร่วมกัน – Collaborative task)

    • เนื้อหา: สนทนากับผู้เข้าสอบอีกคน กรรมการจะให้คำสั่งเป็นคำพูด พร้อมหัวข้อที่เขียนไว้ ให้คุณทั้งสองพูดคุยกันเกี่ยวกับหัวข้อนั้นเป็นเวลา 2 นาที

      • จากนั้น กรรมการจะถามคำถามเพิ่มเติมที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน ซึ่งให้เวลาอีก 1 นาที
    • ฝึกทักษะ: แลกเปลี่ยนความคิด แสดงความคิดเห็นและให้เหตุผล เห็นด้วย/ไม่เห็นด้วย เสนอแนะ คาดเดา ประเมิน และตัดสินใจร่วมกัน
    • ระยะเวลา: 3 นาที (สนทนา 2 นาที + ตัดสินใจร่วมกัน 1 นาที)

    Part 4 (อภิปราย – Discussion)

    • เนื้อหา: การอภิปรายต่อจากหัวข้อใน Part 3 โดยกรรมการจะถามคำถามเพิ่มเติม และคุณจะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เข้าสอบอีกคน
    • ฝึกทักษะ: แสดงความคิดเห็น ให้เหตุผล เห็นด้วย/ไม่เห็นด้วย
    • ระยะเวลา: 5 นาที